MGR Online - นักธุรกิจเตาเผาไร้มลพิษแจ้งจับกลุ่มมิจฉาชีพอ้างเป็นที่ปรึกษา รมต.ช่วยคมนาคม ตุ๋นเงิน 2.3 ล้าน แลกรับงานโครงการท่าเรือเเหลมฉบัง
วันนี้ (14 ส.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.00 น. นายบี (นามสมมติ) อายุ 38 ปี นักธุรกิจเตาเผาไร้มลพิษ เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.วิวัฒน์ชัย เกษีสังข์ รอง สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินกับกลุ่มบุคคลรวม 6 คน หลังแอบอ้างตัวเป็น อดีตที่ปรึกษา นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และทีมงาน หลังหลอกเรียกเงินเพื่อแลกกับสิทธิ์ในโครงการพัฒนาที่ดิน 55 ไร่ ในท่าเรือเเหลมฉบัง จ.ชลบุรี พร้อมนำสลิปโอนเงินและรูปถ่ายคนในขบวนการมามอบไว้เป็นหลักฐาน
นายบี กล่าวว่า เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา คนกลุ่มนี้ติดต่อมาพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจเตาเผาที่ตัวเองทำอยู่ ก่อนจะชวนให้มาทำโครงการการพัฒนาที่ดิน 55 ไร่ ในท่าเรือเเหลมฉบัง โดยอ้างว่ารู้จักกับผู้ใหญ่ที่ช่วยให้รับงานดังกล่าวได้ เมื่อตนสนใจคนกลุ่มนี้ก็ได้พาไปพบกับชายคนหนึ่งซึ่งอ้างตัวว่าเป็น ผศ.ดร.ภาวัต ไชยชาฌวาทิก รองคณบดีฝ่ายวิจัย ม.เกษมบัณฑิต โดยในระหว่างที่พูดคุยกันนั้นชายคนดังกล่าวได้อ้างตัวว่าเคยได้รับแต่งตั้งเป็นอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยกระทรวงคมนาคม สามารถช่วยให้เข้าพบกับรัฐมนตรีช่วยได้ แต่มีข้อแม้ว่า ต้องยอมจ่ายเงินจำนวน 2 ล้านบาท ให้เพื่อเป็นค่าดำเนินการ และค่าที่ปรึกษาอีกเดือนละ 2 แสนบาท และต้องจ่ายเงินอีก 1 ส่วน เดือนละ 1 แสนบาท ให้กับชายที่อ้างตัวเป็น ส.จ.เอ ที่เป็นทีมงานเพื่อเป็นค่าที่ปรึกษาอีกเช่นกัน โดยเงินค่าที่ปรึกษาต่างๆ ทั้งหมดนี้ตนจะต้องจ่ายทุกเดือนจนกว่าจะได้รับงาน
นายบี กล่าวต่อว่า หลังจากยอมจ่ายค่าดำเนินการรวม 2.3 ล้านตามที่เรียกร้องแล้วนั้น บุคคลกลุ่มนี้ก็ได้พาเข้าพบกับรัฐมนตรีช่วยฯ แต่ขณะเข้าพบตนเองกลับไม่ได้มีโอกาสพูดคุยโดยตรงกับท่านเลย มีเพียงชายที่อ้างตัวเป็น ผศ.ดร.ภาวัต เป็นคนพูดคุยกับรัฐมนตรีช่วย เท่านั้น ซึ่งตนจับใจความได้ว่าจะมีการช่วยดำเนินการเเก้ไขข้อกำหนดของผู้ว่าจ้างเกี่ยวกับโครงการดังกล่าว เพื่อให้ตัวเองเข้ามาดำเนินการในโครงการนี้ได้ ซึ่งหลังการเข้าพบรัฐมนตรีช่วย กลุ่มบุคคลดังกล่าวยังได้บอกกับตนอีกว่า อาจใช้เวลานาน 1-2 เดือน ในการทำเอกสารของโครงการ ก่อนจะมีผลให้เริ่มดำเนินการ เเต่ระหว่างนั้นได้ขอยืมรถยนต์ BMW ซีรีส์ 5 ไปใช้ก่อน ด้วยความเชื่อใจจึงยอมให้ไป กระทั่งต่อมาเริ่มพบความผิดปกติหลังสังเกตุเห็นชื่อตามบัตรประชาชนของชายที่อ้างเป็น ผศ.ดร.ภาวัต ไม่ใช่ชื่อนี้ ทำให้เริ่มเอะใจว่าจะถูกหลอก จึงขอรถกลับคืนมา พร้อมกับทวงถามความคืบหน้าของโครงการแต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยง จึงตัดสินใจทวงเงินคืนแต่ก็ถูกปฏิเสธกลับมา ก่อนที่กลุ่มบุคคลดังกล่าวจะทำการบล็อกเบอร์โทรศัพท์เเละไลน์ พร้อมลบข้อมูลรูปต่างๆ ในไลน์ออกทั้งหมด จึงมั่นใจว่าถูกหลอก จึงเข้าแจ้งความกองปราบดังกล่าว
เบื้องต้นพนักงานสอบสวน ได้สอบปากคำผู้ร้องทุกข์เพื่อนำไปพิจารณาควบคู่กับพยานหลักฐานต่างๆ ก่อนส่งต่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป