MGR Online - “ดีเอสไอ” ตรวจค้นโกดัง จ.อำนาจเจริญ ขายกระเป๋าแบรนด์เนมปลอมเครื่องหมายการค้า กว่า 4 หมื่นชิ้น ทำลายระบบเศรษฐกิจ
วันนี้ (21 ก.ค.) พ.ต.ท.สุภัทธ์ ธรรมธนารักษ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน ผู้อำนวยการกองคดีทรัพย์สินทางปัญญา สนธิกำลังร่วมกับ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ นำหมายศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เข้าทำการตรวจค้นโกดังไม่มีเลขที่ ต.คึมใหญ่ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ ซึ่งเป็นสถานที่เก็บสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้าที่จำหน่ายผ่านทางเฟซบุ๊กให้กับบุคคลทั่วไป
ผลการตรวจค้นพบสินค้าจำพวกกระเป๋าปลอม และเลียนแบบเครื่องหมายการค้ายี่ห้อต่างๆ อาทิ หลุยส์วิตตอง (LOUIS VUITTON) กุชชี่ (GUCCI) โคช (COACH) เป็นต้น จำนวนทั้งสิ้น 30,000-40,000 ชิ้น รวมมูลค่าความเสียหาย หรือมูลค่าตามราคาท้องตลาดกว่า 20-30 ล้านบาท จึงได้เข้าทำการจับกุม นางชนัดดา อุ่นทอง ซึ่งเป็นเจ้าของสินค้า และเป็นเจ้าของสถานที่ เป็นผู้ต้องหา และแจ้งข้อกล่าวหาฐาน “จำหน่าย เสนอจำหน่าย และมีไว้เพื่อจำหน่าย ซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมและเลียนเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วในราชอาณาจักร ซื้อหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นเจ้าของที่ไม่ได้ผ่านพิธีการศุลกากร”
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าว สืบเนื่องจาก กองคดีทรัพย์สินทางปัญญา ดีเอสไอ ทำการสืบสวนพบว่ามีสถานที่จำหน่ายสินค้าปลอมเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร
อยู่ในพื้นที่ ต.คึมใหญ่ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ โดยมีพฤติการณ์การกระทำความผิดเป็นแหล่งค้าปลีกผ่านเฟซบุ๊ก โดยเสนอจำหน่ายสินค้าปลอมคุณภาพเกรด AAA และไม่ได้คุณภาพ เพื่อหลอกลวงขายให้กับผู้ที่สนใจอย่างมีวิธีการที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ทำลายเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทย อธิบดีดีเอสไอ จึงได้อนุมัติให้กรณีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ ต่อมาจึงได้นำหมายศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่ 498/2563 เข้าทำการตรวจค้นจับกุม และนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อสอบปากคำและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
อนึ่ง เนื่องจากการที่ประเทศไทยถูกสำนักผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) จัดอันดับสถานะทางการค้าอยู่ในบัญชีประเทศที่ถูกจับตา (WL) ในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ดีเอสไอ จึงมีนโยบายในการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจัง โดยจะได้ดำเนินการสืบสวน จับกุมการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (พื้นที่สีแดง) และพื้นที่ที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจัง และเด็ดขาดต่อไป