MGR Online - รมว.ยธ.ตรวจเยี่ยมทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ ดูฝึกอาชีพตัดเย็บผ้าไหมส่งแบรนด์ดัง กำชับผู้ต้องขังห้ามยุ่งเกี่ยวยาเสพติดอีกเพราะมีโทษหนัก พร้อมเตรียมใช้กำไล EM ลดความแออัดในคุก
วันนี้ (18 ก.ค.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) พร้อมด้วย พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นายโฆสิต สุวินิจจิต ประธานอนุกรรมการศึกษาแนวทางการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ ร่วมลงพื้นที่ตรวจทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ โดยมีนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายสุรศักดิ์ เผื่อนคำ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงใหม่ นายเจริญ น้อยพินิจ ยุติธรรมจังหวัดเชียงใหม่ และนางอาจารี ศรีสุนาครัว ผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ ให้การต้อนรับ
โดยนายสมศักดิ์ได้ติดตามเรื่องการศึกษา การฝึกอาชีพให้ผู้ต้องขัง รวมถึงความเป็นอยู่ต่างๆ พร้อมเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเป็นที่น่าพอใจ พื้นที่สะอาด มีระเบียบ ทั้งยังมีการฝึกอาชีพหลายอย่าง เช่น นวด เสริมสวย การทอผ้าไหม และการรับตัดชุดผ้าไหมไทยส่งให้แบรนด์จาก ประเทศเดนมาร์ก คือ CARCEL ซึ่งนำไปขายต่อยัง ฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลี แต่มีอีกสิ่งสำคัญที่ได้กำชับในวันนี้คือการศึกษาวิชาคณิตศาสตร์ และภาษาอังกฤษ ที่ทุกเรือนจำทั่วประเทศต้องทำ
“ผมชื่นชอบกับการรับตัดผ้าไปขายยังต่างประเทศ ดังนั้นเราต้องเพิ่มสกิลให้ผู้ต้องขัง เรือนจำก็ต้องพัฒนาในเรื่องการตลาด ครีเอทีฟ มองในเรื่องของ ดีไซน์ คัตติ้ง ฟินิชชิ่ง และแบรนด์ หากมองโจทย์เหล่านี้ออกจะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังมีงานและมีรายได้” รมว.ยธ.กล่าว
นอกจากนี้ ระหว่างเดินตรวจ นายสมศักดิ์ยังได้พูดคุยกับผู้ต้องขังหญิง โดยกล่าวในตอนหนึ่งว่าทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่มีผู้ต้องขังกว่า 2,000 คน 84 เปอร์เซ็นต์ กระทำผิดจากข้อหายาเสพติด ตนอยากให้ทุกคนทราบว่าเวลานี้ เราใช้วิธีการปราบปรามแบบถอนรากถอนโคน และเริ่มไล่อายัดทรัพย์สินแล้ว การจะค้ายาเสพติดไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่ผ่านมา เมื่อทุกคนพ้นโทษอย่ากลับไปยุ่งกับเรื่องพวกนี้อีก ตนพยายามให้ทุกเรือนจำเพิ่มและให้ความสำคัญในการสอนหนังสือ การฝึกอาชีพ เวลานี้ยังอยู่ในเรือนจำต้องตั้งใจฝึกฝน เพราะกลับสู่สังคมเราจะได้มีอาชีพแล้วไม่ต้องกลับมาอีก
“ตลอด 1 ปี ที่ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ผมนั่งคิดมาตลอดว่าจะทำอย่างไรให้คนในเรือนจำ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ผมอยากฝากผู้ต้องขังไปบอกญาติๆ ด้วยว่าไม่ต้องห่วง ผมให้ความสำคัญ อยากให้พวกคุณมีชีวิตที่ดีขึ้น ผมคิดทั้งโครงสร้างไม่ใช่ทำแบบฉาบฉวยเมื่อพ้นโทษผู้ต้องขังต้องเอาอาชีพและความรู้ออกไปเป็นช่องทางทำมาหากิน ต้องกินอยู่อย่างประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือย ต้องพอเพียง หากทำได้ ผมเชื่อว่าพวกคุณจะไม่ต้องกลับเข้ามาเรือนจำอีก วันนี้ทุกคนที่ฟังผม พวกคุณไม่ใช่คนเลวร้าย พวกคุณเป็นเพียงแค่คนที่เคยทำผิดพลาดและรอเวลากลับคืนสู่สังคมเท่านั้น” รมว.ยธ.กล่าว
นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ยังกล่าวอีกว่า เวลานี้เมื่ออยู่ในเรือนจำต้องตั้งใจอย่าไปทำผิดซ้ำ ในเดือน ก.ย.นี้ตนจะเดินหน้าแก้ปัญหาการแออัดในเรือนจำ โดยการคัดชั้นนักโทษที่มีโทษเหลือน้อยและเป็นนักโทษชั้นดี จะได้ติดกำไลข้อเท้าอิเล็กทรอนิกส์ หรือกำไล EM และกลับคืนสู่สังคม ขอยืนยันตนมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม เพื่อทำงาน ทำประโยชน์ให้กับทุกคน และจากนี้ตนจะสร้างงาน สร้างอาชีพอีกทางหนึ่งด้วยการทำโครงการนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าในเรื่องการศึกษา การทำโครงการแล้ว
จากนั้นนายสมศักดิ์ได้เปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังได้สะท้อนความเห็นเพื่อนำปัญหาต่างๆ ไปปรับแก้ต่อไป อย่างไรก็ตาม รมว.ยธ.ยังได้กำชับกับผู้บัญชาการเรือนจำว่า เรื่องอาหารของผู้ต้องขังตนให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก อาหารต้องดี มีคุณภาพ หมั่นตรวจตรา ห้ามเอาของบูดเน่ามาใช้ทำอาหารเด็ดขาด การจัดเก็บต้องถูกสุขลักษณะอย่าให้เกิดการเจ็บป่วยในเรื่องนี้เด็ดขาด