MGR Online - สาวโร่แจ้งกองปราบฯ โดนข้าราชการสาวสังกัด ป.ป.ท.หลอกเช่ารถ อ้างนำไปใช้ราชการลับ แต่กลับปล่อยขายออนไลน์ พบมีเหยื่อถูกเชิดรถ 15 คัน
วันนี้ (24 มิ.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 09.00 น. น.ส.วรรณวิมล อัตรารคุปต์ อายุ 29 ปี ผู้ประกอบการรถเช่า เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.เอกรักษ์ ขวัญฤกษ์ สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ป.เพื่อร้องขอความเป็นธรรมหลังมีผู้อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.ทำทีมาเช่ารถยนต์ทั้งส่วนบุคคลและรถตามเต็นท์ไปใช้ปฏิบัติภารกิจ แต่กลับถูกเชิดหนี ก่อนนำไปประกาศขายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยนำเอกสารต่างๆ มอบไว้เป็นหลักฐาน
น.ส.วรรณวิมลกล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีหญิงรายหนึ่งอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ข้าราชการสังกัดสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) พร้อมกับสามี ติดต่อขอเช่ารถยนต์ส่วนบุคคลยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเอชอาร์วี ไปใช้ในงานราชการลับเป็นเวลา 5 วัน ตกลงราคาค่าเช่ากันที่วันละ 1,200 บาท พร้อมกับวางเงินมัดจำไว้ 3,000 บาท และบัตรข้าราชการ ป.ป.ท.ไว้ให้เป็นหลักค้ำประกัน เมื่อเห็นว่ามีตัวตนเป็นข้าราชการจริง และไม่มีประวัติอาชญากรรม ดูมีความน่าเชื่อถือจึงหลงเชื่อยอมให้รถไป แต่พอครบกำหนดเช่า 5 วัน หญิงรายนี้ก็ได้ติดต่อกลับมาบอกว่าขอขยายเวลาเช่าต่อไปอีก 8 วัน และจะทยอยจ่ายค่าเช่าให้ โดยอ้างว่ายังเบิกงบไม่ได้
น.ส.วรรณวิมลกล่าวต่อว่า เมื่อครบกำหนดหญิงคนดังกล่าวกลับไม่ยอมนำรถมาส่งคืนให้ จึงทวงถามพร้อมทั้งตรวจสอบพิกัดรถจากจีพีเอสที่ติดตั้งในตัวรถ พบว่าถูกจอดนิ่งไม่ได้ใช้งานอยู่ในคาร์แคร์ย่านเขาย้อย จ.เพชรบุรี จึงได้ติดตามไป แต่เมื่อไปถึงกลับพบเพียงแค่เครื่องจีพีเอสที่ถูกถอดทิ้งออกมาเท่านั้น มั่นใจว่าถูกหลอกเลยนำเรื่องดังกล่าวไปโพสต์เตือนภัยผ่านสื่อสังคมออนไลน์ จนทำให้ทราบว่านอกจากตนเองแล้วยังมีผู้เสียหายถูกหลอกจากหญิงรายเดียวกันนี้อีกหลายราย ถูกเชิดรถไม่ต่ำกว่า 15 คัน โดยส่วนมากจะเป็นรถเอสยูวีขนาดใหญ่และเป็นรถตลาดราคาหลักล้านบาทขึ้นไป
น.ส.วรรณวิมลกล่าวด้วยว่า จากนั้นได้พยายามติดต่อไปยังหน่วยงาน ป.ป.ท.ต้นสังกัดของหญิงคนดังกล่าว ทราบว่าหญิงที่ก่อเหตุเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.จริง ก่อนจะประสานตำรวจท้องที่ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากร้านคาร์แคร์ต่างๆ และสอบถามคนที่เกี่ยวข้องจนพบว่ารถแทบทุกคันจะถูกถอดจีพีเอสตามร้านลำโพง จากนั้นจะมีผู้ชายนำรถไปจำนำโดยไม่มีหลักฐานใดๆ ในราคา 1 แสนบาท จึงมาแจ้งความให้ตำรวจกองปราบปรามติดตามคนที่นำรถกลับคืน เพราะรถยังผ่อนไม่หมด และเชื่อว่าไม่ได้ก่อเหตุเพียงเท่านี้ เพราะยังมีผู้ชายอีกคนหนึ่งนำรถจากสามีภรรยาที่ก่อเหตุไปปล่อยขายต่อทางอินเทอร์เน็ต เบื้องต้นพนักงานสอบสวนสอบได้ปากคำผู้ร้องทุกข์ประกอบหลักฐานต่างๆ ก่อนรายงานผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป