MGR Online - รอง ผบช.น.เผยสภาพการจราจรเป็นไปด้วยดี หลังรถประจำทางกลับมาวิ่งเต็มที่ และพายุ “นูรี” กระหน่ำกรุงเทพฯ กำชับตำรวจทุก สน.พร้อมประสานสำนักการระบายน้ำ กทม.รับมือฝนตกหนัก
จากกรณีศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. มีมติยกเลิกมาตรการห้ามออกนอกเคหสถานทั่วราชอาณาจักร ระหว่างเวลา 23.00-03.00 น. และเห็นชอบคลายการผ่อนคลายมาตรการสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ระยะที่ 4 โดยอนุญาตให้กิจกรรม/กิจการในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง กลับมาเปิดบริการหรือดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย. 2563 โดยรถประจำทางกลับมาให้บริการตามปกติ
วันนี้ (15 มิ.ย.) เวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอกรอง ผบช.น.(รับผิดชอบงานจราจร) เปิดเผยว่า ทาง บช.น.เตรียมความพร้อมตั้งแต่ระยะที่ 3 แล้ว ได้มีการจัดกำลังเต็มอัตรา 3,000 นาย เนื่องจากได้ประเมินผลสภาพการจราจรมาโดยตลอด ในวันนี้สภาพรถกลับคืนสู่สภาวะปกติแล้ว ปริมาณรถค่อนข้างมากรวมถึงมีฝนตกจากพายุโซนร้อน“นูรี” ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ (14 มิ.ย.) จนมาหยุดช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ทำให้ในหลายพื้นที่มีถนนเปียกและลื่น
โดยพื้นที่ที่มีปัญหาสภาพการจราจรมาก คือ ทางด้านทิศเหนือของ กทม. บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต และถนนพหลโยธิน การจราจรค่อนข้างหนาแน่น ประกอบกับช่วงวันหยุดที่ผ่านมาจนถึงเช้าวันนี้มีผู้มาใช้บริการที่ รพ.ราชวิถี จำนวนมาก อย่างไรก็ตาม สถานการณ์คลี่คลายในช่วงเวลา 08.30 น. นอกจากนี้ ช่วงคืนที่ผ่านมาเกิดอุบัติเหตุบนถนนสุขุมวิท ขาเข้า และถนนเพชรเกษม ขาเข้า
สำหรับในพื้นที่ใจกลางเมืองที่การจราจรหนาแน่น สามารถอำนวยความสะดวกการจราจรโดยรวมเป็นไปด้วยดี โดยเฉพาะถนนเพชรบุรี ขาเข้า มีท้ายแถวอยู่ที่แยกคลองตัน ปริมาณจราจรค่อนข้างหนาแน่น แต่สามารถเคลื่อนตัวได้เรื่อยๆ ในส่วนของถนนสุขุมวิทจะเป็นในช่วงจาก จ.สมุทรปราการ เข้ามา เนื่องจากมีน้ำท่วมขังบริเวณสำโรงเหนือ เมื่อเข้ามาผ่านแยกบางนาแล้วยังเคลื่อนตัวได้เรื่อยๆ
ในส่วนของรถประจำทางขณะนี้กลับมาให้บริการเต็มที่แล้ว สิ่งที่กังวลคือกรณีรถประจำทางจอดเสียทำให้กระทบต่อการจราจรแต่ละเส้นทางได้ ช่วงเช้ามีจุดเดียวบนถนนวิภาวดีรังสิต ขาเข้า บริเวณหน้าประตู 5 สนามบินดอนเมือง ได้หลบเข้าไปในช่องจอดไม่กระทบต่อปัญหาการจราจรมากนัก ในส่วนอื่นๆ สภาพการจราจรเป็นไปได้ด้วยดี
จากการประสานกับกรมอุตุนิยมวิทยา ในช่วงระหว่างวันที่ 15-16 มิ.ย. กรุงเทพฯ ได้รับผลกระทบของพายุนูรีทำให้เกิดฝนตกหนัก ในช่วงเย็นวันนี้ได้มีการกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจ คือ 1. ให้เข้าประจำจุดเร่งระบายรถในชั่วโมงเร่งด่วนตั้งแต่เวลา 14.00 น.เป็นต้นไป เผื่อกรณีเกิดฝนตกหนักปริมาณรถจะไม่หนาแน่นมาก 2. ชุดช่วยเหลือน้ำท่วมของแต่ละ สน.เตรียมความพร้อมไว้ กรณีพื้นที่ไหนมีน้ำท่วมขังจะประสานกับ สำนักการระบายน้ำ กทม.มีเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ไว้แล้ว และ 3. รถยกเตรียมสแตนด์บายในจุดทางแยกหลักๆ กรณีมีรถเสียสามารถยกให้พ้นกีดขวางได้ทันที เมื่อเคลียร์ได้เร็วผลกระทบปัญหาการจราจรจะน้อยลง
“จุดที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษต้องดูสภาพในช่วงบ่าย เราประสานงานอย่างใกล้ชิดกับสำนักการระบายน้ำ กทม.ว่าฝนเข้าตรงไหนอย่างไร ถ้าจุดไหนมากก็มีการเตรียมความพร้อมประมาณ 1 ชม. ทั้งรถ ทั้งคน ทั้งเครื่องสูบน้ำ เตรียมความพร้อมตรงจุดนั้น ฉะนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศ ทางเจ้าหน้าที่ทราบข้อมูลและเตรียมความพร้อมไว้แล้ว”รอง ผบช.น.กล่าว
พล.ต.ต.จิรสันต์กล่าวด้วยว่า ได้กำชับให้ สน.ทุกพื้นที่เตรียมแผนรองรับช่วงเปิดเทอม ในจุดที่มีปัญหาโดยให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 19 มิ.ย. แล้วนำเสนอไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อพิจารณาอนุมัติตามขั้นตอน ภายในวันที่ 22-26 มิ.ย. ก่อนเปิดเทอมในวันที่ 1 ก.ค.ได้กำชับแต่ละพื้นที่เตรียมความพร้อมไว้แล้ว และจุดไหนที่สามารถหารือกับชมรมผู้ปกครองได้ เพื่อหาทางออกว่าทำอย่างไรให้เสียเวลา ขณะจอดรถรับ-ส่งบุตรหลานบริเวณหน้าสถานศึกษาน้อยที่สุด แต่ยังติดเรื่องโควิด-19 การประชุมอาจจะยังไม่สะดวก
ฉะนั้นต้องยึดหลักมาตรการรักษาระยะห่าง พูดคุยในส่วนที่สำคัญคือครูและชมรมผู้ปกครอง เพื่อมีการประสานงานร่วมกันว่าจะบริหารจัดการจราจรรอบสถานศึกษาอย่างไร พื้นที่จอดรถถ้าบริเวณสถานศึกษาไม่พอควรจะไปอยู่ตรงไหน การเตรียมความพร้อมของผู้ปกครองและบุตรหลานก่อนมาถึงสถานศึกษาต้องเตรียมอย่างไร มาถึงแล้วควรมีรุ่นพี่มารับรุ่นน้องอย่างไร เมื่อบริหารเวลาได้ ผลกระทบหน้าสถานศึกษาก็จะน้อยลง