MGR Online - ผบ.ตร.เรียกประชุมด่วน มือมืดยิงเลเซอร์ข้อความ “ตามหาความจริง” ตามสถานที่ต่างๆ มอบหมาย บก.สส.บช.น.เป็นแม่งานรวบรวมพยานหลักฐาน ด้าน “รองสุวัฒน์” แย้มมีข้อมูลผู้ก่อเหตุ แต่ยังไม่เรียกใครมาสอบปากคำ
วันนี้ (13 พ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เรียกประชุมติดตามความคืบหน้ากรณีเมื่อคืนวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา มีการฉายข้อความปริศนาด้วยลำแสงเลเซอร์ข้อความ “ตามหาความจริง” ในหลายสถานที่ เช่น กระทรวงกลาโหม, อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย, วัดปทุมวนาราม, แยกราชประสงค์ และบางจุดมีการฉายภาพเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อเดือน พ.ค. 2553 โดยมี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร.ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.เมธี รักพันธ์ ผบก.น.6 เข้าร่วมประชุมด้วย โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าบันทึกภาพแต่อย่างใด
พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวก่อนเข้าประชุมว่า ฝากไปยังกลุ่มผู้ที่ก่อเหตุ หากจะทำอะไรก็ต้องระมัดระวัง อย่าทำให้เกิดความขัดแย้งของคนในชาติ ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายอยู่ระหว่างพิจารณาว่าการกระทำดังกล่าวจะเข้าข่ายความผิดใดบ้าง เบื้องต้นตำรวจมีข้อมูลอยู่แล้ว แต่ยังไม่มีการเตรียมเรียกบุคคลใดเข้ามาสอบปากคำ
มีรายงานว่า ผบ.ตร.สั่งการให้กองบังคับการสืบสวนสอบสวน บช.น. เป็นหน่วยงานหลักในการรวบรวมพยานหลักฐาน เนื่องจากเหตุยิงเลเซอร์ดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบของตำรวจนครบาล โดยให้พิจารณาว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายความผิดสถานใด รวมทั้งพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือไม่
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร.กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจและฝ่ายความมั่นคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยให้ฝ่ายกฏหมายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดว่าเข้าข่ายความผิดข้อหาใด ต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนเพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ โดยเฉพาะการยุยงปลุกปั่นก็เป็นหลักเกณฑ์ในการพิจารณา ตำรวจมีข้อมูลอยู่แล้ว โดยเฉพาะบุคคลบางกลุ่มที่อาศัยเดือน พ.ค.เป็นสัญลักษณ์ในการเคลื่อนไหวซึ่งฝ่ายความมั่นคงมีความห่วงใยและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
“ส่วนที่มีบุคคลออกมากล่าวอ้างและยอมรับเรื่องพฤติกรรมและการกระทำนั้น ทางตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบทั้งหมด แม้ว่าจะมีบางกลุ่มออกมาแสดงเจตจำนงว่าเป็นคนก่อเหตุ แต่ก็ต้องหาพยานหลักฐานอื่นๆ ให้เพียงพอจึงจะสามารถเรียกมาให้ปากคำได้ ตอนนี้ยังไม่มีการเรียกมาสอบปากคำแต่อย่างใด และกำลังดูว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังใช้เรื่องนี้มารณรงค์ให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลข่าวสารในลักษณะนี้เพื่อหวังผลอะไรหรือไม่ ไม่อยากให้ประชาชนตัดสินหรือเชื่อเพียงเพราะว่าเห็นภาพที่ปรากฏเท่านั้น” รองโฆษก ตร.กล่าวและว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว และนำไปสู่ความขัดแย้งหรือไม่นั้นยังไม่อยากโฟกัส เพราะทุกภาคส่วนกำลังช่วยกันแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19