MGR Online - “อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำหลักฐานโพสต์ข้อความของ “เสี่ยบอย” กักตุนขายหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น แจ้งความพนักงานสอบสวน ปอท. ข้อหา “นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์” พร้อมแจงไม่ได้ติดโควิด-19 หลังมีภาพปรากฏไปเวทีมวยลุมพินี
วันนี้ (24 มี.ค.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.กฤช เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา เพื่อแจ้งความเอาผิดบุคคลที่โพสต์ข้อความผ่านสื่อออนไลน์กรณีขายหน้ากากอนามัยเกินราคา และทำให้สินค้าขาดตลาด ในความผิดฐาน “นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์” โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง
นายอัจฉริยะ เปิดเผยหลังเข้าพบพนักงานสอบสวน ปอท. ว่า ตนนำหลักฐานการโพสต์ข้อความลงโซเชียลฯ ของนายศรสุวีร์ ภู่รวีรัศวัชรี หรือ เสี่ยบอย เกี่ยวกับการขายหน้ากากอนามัยมามอบให้ ปอท. เพื่อดำเนินคดีกับขบวนการกักตุนหน้ากากอนามัยและทำให้สินค้าขาดตลาด โดยตนเชื่อว่ามีขบวนการที่เกี่ยวข้องกับ นายบอย เนื่องจากพบหลักฐานว่ากลุ่มผู้ต้องสงสัยมีการติดต่อซื้อขายหน้ากากอนามัยจากโรงงานที่ผลิตหน้ากากอนามัยส่งขายให้กับรัฐบาล และจ่ายส่วนแบ่งค่านายหน้าให้กับ นายบอย จนเป็นที่มาให้เกิดการโพสต์ขายอ้างว่ามีหน้ากากอนามัย กว่า 200 ล้านชิ้น
นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า ส่วนการดำเนินคดีเอาผิดผู้ต้องสงสัยรายอื่นๆ ทราบว่า กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแยกออกไปอีกหนึ่งกลุ่ม ซึ่งตนจะนำข้อมูลไปให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. และเกี่ยวข้องกับรายชื่อบริษัทเอกชน, โรงงานผลิตหน้ากากอนามัย ที่มีกว่า 242 แห่ง เพื่อขอให้มีการตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการกักตุนหน้ากากอนามัยหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนกรณีมีภาพปรากฏ นายอัจฉริยะ อยู่ในสนามมวยลุมพินี ช่วงมีการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 นั้นข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และระหว่างการสัมภาษณ์สื่อมวลชนได้ยืนห่างจาก นายอัจฉริยะ ประมาณ 1 เมตร โดย นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ตนไม่ได้เป็นโควิด-19 ถ้าเป็นคงเกิดนานแล้ว เพราะผ่านการตรวจจากทุกสถานที่มาแล้ว และตรวจจากแพทย์มาแล้ว ยอมรับมีไปสนามมวยครั้งเดียว ซึ่งไปก่อนจะมีข่าวโควิด-19 ล่าสุดเมื่อประมาณเดือนกว่า ถ้าตนเป็นคงเป็นแล้ว ขอพูดตรงๆ เพราะเราผ่านการตรวจทุกที่มาแล้ว