ศาลไม่รับฟ้องคดี “ชลิตา” อาจารย์ ม.เกษตรฯ เดือด ฟ้องหมิ่น “ผู้กองปูเค็ม” กล่าวหาสนับสนุนให้นักศึกษาประชาชนแบ่งแยกดินแดน ชี้ เจตนาปกป้องรัฐธรรมนูญ แม้จะใช้ถ้อยใช้ถ้อยคำรุนแรงไปบ้าง
วันนี้ (18 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำสั่งชั้นไต่สวนมูลฟ้อง คดีหมายเลขดำ อ.2890/2562 ที่ น.ส.ชลิตา บัณฑุวงศ์ รองหัวหน้าภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล หรือ ผู้กองปูเค็ม แนวร่วม กปปส. ทีมการ์ดชาตินิยม (TWG) เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 กรณี น.ส.ชลิตา โจทก์แสดงความคิดเห็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 1 แต่ ร.อ.ทรงกลด จำเลย กล่าวหาโจทก์เป็นกบฏ ยุยงปลุกปั่นแบ่งแยกดินแดน
คำฟ้องโจทก์ระบุพฤติการณ์จำเลย 4 กรณี ดังนี้ 1. วันที่ 2 ต.ค. 2562 จำเลยโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “ผู้กองปูเค็ม” เชิญชวนให้คนไปที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนโจทก์ต่ออธิการบดี กล่าวหาว่าโจทก์ปลุกปั่น แยกดินแดน ขัดรัฐธรรมนูญ 2. วันที่ 3 ต.ค. 2562 จำเลยเฟซบุ๊กไลฟ์ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวถ้อยคำใส่ความโจทก์หลายถ้อยคำ (มีถ้อยคำหยาบคายและหาว่ามีแนวคิดกบฏ) 3. วันที่ 3 ต.ค. 2562 หนังสือร้องเรียนของจำเลยขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยโจทก์ กล่าวหาการกระทำโจทก์ส่อว่าให้มีการแบ่งแยกรัฐ หรือสนับสนุนให้มีการแบ่งแยก และเติมเชื้อไฟให้สถานการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4. วันที่ 31 ต.ค. 2562 จำเลยโพสต์ข้อความว่า “การแอบอ้างเสรีทางวิชาการเพื่อแบ่งแยกแผ่นดินนั้น ควรถูกตัดหัวเสียบประจาน จริงมั๊ย ชลิตา?” การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง เป็นความเท็จ โจทก์มิได้ยุยงปลุกปั่นประชาชนแยกดินแดนแต่อย่างใด
ศาลพิเคราะห์คำฟ้องและพยานหลักฐานโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า ข้อความดังกล่าวแม้จะเป็นถ้อยคำที่รุนแรงไปบ้าง ก็ถือเป็นเพียงการกล่าวถ้อยคำไม่สุภาพและคำหยาบเท่านั้น ไม่ถึงขนาดเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ หรือทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลพิพากษายกฟ้อง น.ส.ชลิตา โจทก์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงคดีนี้ตอนหนึ่งว่า “คำพิพากษานี้วางอยู่บนฐานของเหตุผลที่ว่า (เท่าที่ดิฉันจับความได้ ไม่ได้จด และรอรายละเอียดจากสำเนาคำพิพากษา) การกระทำของจำเลย (ผู้กองปูเค็ม) เป็นการแสดงความคิดเห็นและการวิพากษ์วิจารณ์อย่างสุจริตใจต่อเนื้อหาที่ดิฉันนำเสนอในงานเสวนาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญของ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา ณ ลานวัฒนธรรม จ.ปัตตานี ศาลระบุว่า การเสวนาดังกล่าวเป็นเวทีสาธารณะและการนำเสนอของดิฉันในเวทีดังกล่าวนั้นเป็นการแสดงความคิดเห็นทางวิชาการ ซึ่งผู้ฟังและสาธารณชนสามารถแสดงความคิดเห็นหรือวิพากษ์วิจารณ์ต่อเนื้อหาดังกล่าวได้ นอกจากนั้น ศาลยังเห็นว่าการวิพากษ์วิจารณ์ดิฉันโดยจำเลยนั้น ถือได้ว่าเป็นการใช้สิทธิในการปกป้องรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ แม้ในการวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าว จำเลยอาจใช้ถ้อยคำที่ไม่สุภาพหรือรุนแรงไปบ้าง แต่ก็ไม่ถือได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาทแต่อย่างใด ทั้งนี้ ทนายความจะทำเรื่องขอสำเนาคำพิพากษาและจะได้ยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน ขอขอบคุณเพื่อนๆ พี่น้องทุกท่านที่ให้กำลังใจและอยู่เป็นเพื่อนกันมาโดยตลอด”