MGR Online - “รมว.ยธ.” จัดมาตรการเชิงรุกให้เรือนจำผลิตหน้ากากอนามัยแจกจ่ายนักโทษ-หน่วยราชการ-โรงพยาบาล และขายให้ประชาชน สิ้นเดือน มี.ค. คาดผลิตได้ 1 ล้านชิ้น ด้านกรมราชทัณฑ์เตรียมรับมือ 3 ขั้นตอน คัดกรองผู้ต้องขังใหม่ แยกห้องรองรับการระบาด งดการเยี่ยมญาติ
วันนี้ (14 มี.ค.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) กล่าวเปิดเผยกรณี ครม. มีมติมอบหมาย กระทรวงยุติธรรม มีส่วนร่วมในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้านเวชภัณฑ์ป้องกัน ว่า ขณะนี้ กรมราชทัณฑ์ ได้มีมาตรการเชิงรุกในการช่วยสังคมจากการป้องกัน โควิด-19 ด้วยการให้นักโทษที่ฝึกวิชาชีพตัดเย็บเสื้อ เป็นผู้ผลิตหน้ากากอนามัยด้วยผ้ามัสลิน โดยกระบวนการผลิตกำชับให้รักษาความสะอาด มีการใส่ถุงมือยาง ซึ่งถูกต้องตามสุขลักษณะ โดยมีทัณฑสถานดำเนินการทั้งสิ้น 78 แห่ง ได้รับคำแนะนำและอบรมจากกระทรวงสาธารณสุข กรมอาชีวศึกษา และสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงาน สามารถผลิตได้ประมาณ 45,323 ชิ้นต่อวัน ปัจจุบันผลิตและจำหน่ายไปแล้วประมาณ 400,000 ชิ้น โดยได้กำหนดแผนการดำเนินการไว้ว่าภายในสิ้นเดือน มี.ค. จะผลิตหน้ากากอนามัยให้ได้ 1 ล้านชิ้น
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า เบื้องต้นจะผลิตให้ผู้ต้องขังใช้ รวมถึงส่งให้หน่วยงานราชการข้างเคียง ประมาณ 1 แสนชิ้น และโรงพยาบาลแม่ข่ายอีกประมาณ 1 แสนชิ้น และที่เหลือ 5 แสนชิ้น จะจำหน่ายให้ประชาชนในภูมิภาคของแต่ละเรือนจำและส่วนกลาง สำหรับประชาชนที่สนใจสามารถหาซื้อได้หลายช่องทาง เช่น เฟซบุ๊กของทัณฑสถานต่างๆ ร้านค้าทั่วประเทศกว่า 140 แห่ง รวมถึงจุดประชาสัมพันธ์เยี่ยมญาติในทุกเรือนจำ ซึ่งล่าสุด วันที่ 13 มี.ค. 63 มียอดการผลิตและแจกจ่ายให้ผู้ต้องขังทั่วประเทศ 375,450 คน จัดส่งโรงพยาบาล สภากาชาด และแจกจ่ายประชาชนฟรี 50,000 ชิ้น หน่วยงานภาครัฐ สั่งซื้อ 82,200 ชิ้น หน่วยงานเอกชนสั่งซื้อ 431,500 ชิ้น รวมจำนวนการผลิตและสั่งซื้อทั้งสิ้น 959,906 ชิ้น
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการป้องกัน โควิด-19 ในเรือนจำ กรมราชทัณฑ์ ได้ออกมาตรการป้องกันสถานการณ์ ทั้ง 3 ระยะ โดยระยะแรก คัดกรองผู้ต้องขังเข้าใหม่ รับย้าย และกลับจากศาลทุกรายการโดยเคร่งครัด รณรงค์ทำความสะอาดเรือนจำ งดการจัดกิจกรรมที่ต้องให้ผู้ต้องขังอยู่ร่วมกันจำนวนมาก รวมทั้งพิจารณางดกิจกรรมการเยี่ยมญาติใกล้ชิด หรือกิจกรรมที่ต้องให้บุคคลภายนอกเข้ามาภายในเรือนจำ จัดระบบอาสาสมัครสาธารณสุขเรือนจำ เพื่อช่วยงานสถานพยาบาล รวมทั้งเตรียมการจัดหาหน้ากากอนามัย หรือผลิตหน้ากากอนามัยใช้เองด้วย
“สำหรับระยะที่ 2 เพิ่มเติมการคัดกรองผู้ต้องขังแรกรับที่มาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง คัดกรองเจ้าหน้าที่และบุคคลภายนอกก่อนเข้าเรือนจำ จัดเตรียมห้องแยกโรค หรือพื้นที่รองรับการระบาด และ ระยะที่ 3 งดการเยี่ยมญาติใกล้ชิด คัดกรองเจ้าหน้าที่ หรือบุคคลภายนอกที่มีอาการน่าสงสัยไม่ให้เข้าเรือนจำ คัดกรองผู้ต้องขังก่อนเข้าและออกจากเรือนนอนทุกวัน และร่วมกับโรงพยาบาลแม่ข่าย ตั้งคณะทำงานป้องกัน เฝ้าระวังและควบคุมการแพร่ระบาดและเตรียมการด้านการรักษาไว้ให้พร้อม” รมว.ยธ. กล่าว