MGR Online - “นมตรามะลิ” ร้องกองปราบ เอาผิดเพจเฟซบุ๊ก “ฉาวต้องแฉ” โพสต์บิดเบือนโจมตี เชื่อทำเป็นขบวนการ ยันดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
วันนี้ (12 มี.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.00 น. นางสุดถนอม กรรณสูต รองกรรมการผู้จัดการบริษัท มะลิกรุ๊ป 1962 จํากัด หรือ นมข้นตรามะลิ พร้อม นายอิษวัต สุจิมนัสกุล ที่ปรึกษาบริษัท เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ชลิต ทิพย์ธำรง รอง ผกก.สอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความเอาผิดกับกลุ่มบุคคลที่อยู่เบื้องหลังเพจเฟซบุ๊ก “ฉาว ต้อง แฉ” หลังถูกเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวใส่ร้ายด้วยการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จใส่ร้ายโจมตีคุณภาพของผลิตภัณฑ์นมตรามะลิ จนทำให้เกิดผลเสียหายต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้บริโภค โดยนำข้อความและรูปภาพที่ถูกโพสต์ลงในเพจดังกล่าว รวมทั้งผลการตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์นมข้นหวาน อย่างเป็นทางการจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา มามอบเป็นหลักฐานให้พนักงานสอบสวนประกอบการพิจารณา
นายอิษวัต กล่าวว่า ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์นมตรามะลิได้ถูกเพจเฟซบุ๊ก “ฉาวต้องแฉ” พยายามโจมตีดิสเครดิตด้วยการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จเกี่ยวกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์นมตรามะลิ โดยเพจดังกล่าวอ้างว่า นมตรามะลิไม่ได้คุณภาพ มีแบคทีเรียและสารกันบูดปนเปื้อน ซึ่งไม่เป็นความจริง นอกจากนี้ เพจดังกล่าวยังได้ยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ให้เข้ามาตรวจคุณภาพและมาตรฐานการผลิต ซึ่งเมื่อหน่วยงานต่างๆ เข้ามาตรวจสอบก็ไม่พบความผิดปกติตามที่เพจกล่าวอ้างแต่อย่างใด ซึ่งทาง อย. เองยังมีการออกหนังสือยืนยันคุณภาพของผลิตภัณฑ์นมตรามะลิ ว่า เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน GMP ตาม กฎหมาย ไม่พบกรดเบนโซอิก หรือสารกันบูดที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย
นายอิษวัต กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ ได้นำข้อมูลและหลักฐานทั้งหมดร้องทุกข์ต่อ ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท.ให้ช่วยสืบสวนเบื้องต้นแล้ว พอจะระบุตัวกลุ่มคนผู้ไม่หวังดีแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ขอให้ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนก่อน และเพื่อให้คดีดังกล่าวคืบหน้ามากที่สุดจึงได้มาร้องทุกข์ยังกองปราบช่วยตรวจสอบอีกทาง
“ขอยืนยันว่า จะดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องกับเพจดังกล่าวให้ถึงที่สุด พร้อมฝากเตือนไปยังกลุ่มผู้ไม่หวังดีทั้งหลายว่าให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าวเสีย” นายอิษวัต กล่าว
ด้านพนักงานสอบสวนกองปราบเบื้องต้นได้ทำการสอบปากคำผู้ร้อง เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาควบคู่กับพยานหลักฐาน ก่อนส่งเรื่องต่อยังผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป