MGR online - สตม.แถลงผลงานตม.จว.หนองคาย รวบแก๊งลักลอบนำรถส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน หลังตรวจข้อมูลในระบบ BIOMETRICS ทำเอกสารใบขนสินค้าพิเศษถูกต้อง แต่ไม่มีการนำรถยนต์กลับเข้ามา ได้ผู้ต้องหารวม 6 ราย
วันนี้ (14 ก.พ.) ที่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พรชัย ขันตี รองผบช.สตม. พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รองผบช.สตม. พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รองผบช.สตม. พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รองผบช.สตม. พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รองผบช.สตม. พล.ต.ต.ปฏิพัทธ์ สุบรรณ ณ อยุธยา รองผบช.ตชด. ปฏิบัติราชการ สตม. พล.ต.ต.พิสิฐ ตันประเสริฐ รอง ผบช.สงป. ปฏิบัติราชการ สตม. พล.ต.ต.ณัฐวัฒน์ การดี ผบก.ตม.4 พ.ต.อ.พิชญ์วุฒิ สงวนสมบัติศิริ รอง ผบก.ตม.4 พ.ต.อ.เอกกมนต์ พรชูเกียรติ รอง ผบก.ตม.4 พ.ต.อ.ชัยยศ วรักษ์จุนเกียรติ รอง ผบก.ตม.4 พ.ต.อ.พิษณุ สิทธิฑูรย์ ผกก.สส.บก.ตม.4 และ พ.ต.อ.ธนรัฐ รุ่งโรจน์ดี ผกก.ตม.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุมขบวนการนำรถยนต์ออกไปขายยังต่างประเทศ โดยจับกุมผู้ต้องหารวม 6 คน ประกอบด้วย นายกำจัด,ว่าที่ร้อยตรีพีรพัฒน์,นายณัฐกฤช,นายนิธิศปพน,ว่าที่ร้อยตรีหาญชัย และนายสุรินทร์ พร้อมของกลางรถยนต์กระบะ โตโยต้า วีโก้ 1 คัน รถยนต์นั่งส่วนบุคคล โตโยต้า วีออส 1 คัน และโทรศัพท์มือถือ จำนวน 6 เครื่อง
การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีกลุ่มบุคคลทำเป็นขบวนการลักลอบนำรถยนต์ไทยที่ผ่านพิธีการตรวจอนุญาตของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและพิธีการทางศุลกากรในการนำรถยนต์ออกไปนอกราชอาณาจักร ทำเอกสารใบขนสินค้าพิเศษถูกต้อง แต่จะไม่มีการนำรถยนต์กลับเข้ามา ในวันเกิดเหตุผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ได้มายื่นเอกสารการเดินทางและรายการเกี่ยวกับพาหนะเพื่อให้ จนท.ตม.ทำการตรวจอนุญาตเดินทางเข้า เมื่อตรวจข้อมูลในระบบ BIOMETRICS พบว่าในการเดินทางออกนั้นได้ขออนุญาตนำรถยนต์จำนวน 6 คันออกไป แต่ขณะเดินทางกลับมีรถยนต์เพียง 2 คันนำกลับเข้ามา จึงได้ร่วมกับด่านศุลกากรหนองคายตรวจสอบข้อมูลในระบบของศุลกากร ก็พบว่า รถยนต์ทั้ง 6 คันได้ผ่านพิธีการทางศุลกากรเพื่อนำรถยนต์ออก โดยทำเอกสารใบขนสินค้าพิเศษถูกต้องแล้วนำออกต่างวันกัน แต่พฤติการณ์ในวันที่ถูกจับกุม กลุ่มผู้ต้องหาได้เดินทางกลับเข้ามาในวันเดียวกัน โดยสารมากับรถยนต์ 2 คันเท่านั้น และมายื่นเอกสารขอตัดบัญชีนำกลับเข้ามา ส่วนรถยนต์อีก 4 คันนำเฉพาะเอกสารมายื่นเพื่อขอตัดบัญชีนำกลับเข้ามา
นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ต้องหาทั้ง 6 คน มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน โดยบุคคลหนึ่งแจ้งนำรถยนต์ออกหรือเป็นเจ้าของรถยนต์แต่มอบอำนาจให้อีกบุคคลหนึ่งนำรถยนต์ออกหรือนำรถยนต์กลับเข้ามา การมอบอำนาจสลับกันทำให้มีเอกสารที่ต้องตรวจสอบเพิ่มมากขึ้น และที่สำคัญกลุ่มผู้ต้องหาพยายามนำเอกสารทั้งหมดมายื่นช่วงเช้า เพื่ออาศัยจังหวะช่วงเวลาที่มีรถยนต์และนักท่องเที่ยวเดินทางเข้า-ออกจำนวนมาก เพื่อหวังให้ เจ้าหน้าที่สับสน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ร่วมกันส่งของออกไปนอกราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงข้อจำกัด หรือข้อห้ามอื่นเกี่ยวกับของนั้น ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร 2560 และแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา ก่อนคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป