MGR online - ชาวบ้านเกาะลันตา กระบี่กว่า 20 ราย ร้อง ดีเอสไอ ถูกขรก.ในพื้นที่ เบี้ยวเงินลงทุนสกุลดิจิทัล สูญ 75 ล้าน ดีเอสไอเตือนกำลังขยายไปที่ จ.พัทลุง ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และชัยนาทแล้ว ก่อนเสนออธ.รับเป็นคดีพิเศษหรือไม่
วันนี้ (15 ม.ค.) เวลา 10.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายผดุงศักดิ์ เทียนไพโรจน์ ประธานที่ปรึกษาสมาคมพิทักษ์ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ นำผู้เสียหายชาวบ้านเกาะลันตา จ.กระบี่ กว่า 20 คน เข้าร้องเรียนต่อ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เพื่อให้รับคดีพิเศษ หลังถูกข้าราชการระดับสูงในพื้นที่ หลอกให้ร่วมลงทุนเทรดเงินดิจิทัล bit coin และ one coin อ้างให้ผลตอบแทน ดอกเบี้ยร้อยละ 7 ต่อสัปดาห์ ต่อมาไม่มีการจ่ายเงินตามที่ตกลง มูลค่าความเสียหายกว่า 75 ล้านบาท โดยมี ร.ต.อ.ธรรศ เลาห์ทวี รอง ผอ.การกองธุรกิจการเงินนอกระบบ ดีเอสไอ เป็นผู้รับเรื่อง
นายผดุงศักดิ์ กล่าวว่า มีกลุ่มคนที่อ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนเงินสกุลดิจิทัล และข้าราชการในพื้นที่ มาชักชวนชาวบ้านตั้งแต่เดือน เม.ย.61 ให้ไปฟังสัมมนาและเชิญชวนลงทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงิน bit coin และ one coin มีแม่ทีม หรือ อัพไลน์เป็นผู้ดูแล โดยอัพไลน์แต่ละคนจะได้รับเงินปันผลกองกลางประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ของยอดเงินคนที่มาลงทุน จากนั้นจะนำไปแบ่งให้กับสมาชิกที่นำเงินมาลงทุน ซึ่งผู้เสียหายส่วนใหญ่จะได้เงินปันผลส่วนนี้เฉลี่ยคนละ 7-8 เปอร์เซ็นต์ โดยระยะแรกเมื่อลงทุนไปแล้ว ก็จะได้รับค่าตอบแทนตามที่มีข้อตกลงกัน กระทั่งเมื่อต้นปี62 กลุ่มแม่ทีมก็เริ่มอ้างปัญหาไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้ตามที่ตกลง จนผ่านไปเกือบ 1 ปี ก็ยังไม่ได้เงินปันผล แต่กลุ่มแม่ทีมยังพยายามสร้างความน่าเชื่อถือให้ลงทุนต่อเนื่อง จึงเชื่อว่าโดนหลอกและพากันไปแจ้งความกับตำรวจในพื้นที่ และวันนี้ได้รวมตัวมาร้องทุกข์ดีเอสไอ ทั้งนี้จากการตรวจสอบยังพบว่า มีผู้หลงเชื่ออีกอย่างน้อยกว่า 100 คน ในจ.กระบี่ และจ.ตรัง ที่คาดว่าจะมีความเสียหายเกินหลัก 100 ล้านบาท ที่ยังไม่ได้เข้าแจ้งความ ซึ่งอยากให้ดีเอสไอเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง
ด้าน ร.ต.อ.ธรรศ เผยว่า ข้อมูลจากผู้เสียหายระบุว่า รูปแบบการชักชวนของเครือข่าย นอกจากจะอาศัยความน่าเชื่อถือของอดีตข้าราชการในพื้นที่แล้ว ยังมีการเดินเคาะประตูบ้านเสนอผลประโยชน์ให้ร่วมลงทุน จึงทำให้มีผู้เสียหายจำนวนมาก ไม่ใช่เพียงแต่ชาวเกาะลันตา จ.กระบี่เท่านั้น ยังขยายไปที่ จ.พัทลุง ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และ จ.ชัยนาท อีกด้วย จะตรวจสอบข้อมูลและนำข้อเท็จจริง รายงานอธิบดีดีเอสไอว่าเข้าข่าย คดีพิเศษหรือไม่