อธิบดีกรมคุมประพฤติ เผยวันที่ 4 ของ 7 วันอันตราย เกิดอุบัติเหตุ 1,988 ครั้ง ตาย 208 เจ็บ 2,031 คดีเมาขับรวม 4 วัน กว่า 5,000 คดี สถิติเพิ่มขึ้นจากปีใหม่ 2562 ถึง 1,705 คดี ส่วนกรุงเทพฯ ยังครองแชมป์ มีจังหวัดภาคอีสานรั้งอันดับถึง 8 จังหวัด
วันนี้ (31 ธ.ค.) นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยว่า สถิติคดีที่เข้าสู่กระบวนการคุมความประพฤติทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. มีจำนวนน้อยเนื่องจากศาลปิดทำการในหลายพื้นที่ โดยมีสถิติคดีที่เข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติทั้งสิ้น 407 คดี จำแนกเป็น คดีขับรถขณะเมาสุรา 404 คดี คิดเป็นร้อยละ 99.26, คดีขับเสพ 1 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.25 และคดีขับรถประมาท จำนวน 2 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.49
นายวิตถวัลย์เผยอีกว่า สำหรับยอดสะสมสถิติคดีที่ศาลสั่งคุมประพฤติ รวม 4 วันที่มีการควบคุมเข้มงวด ระหว่างวันที่ 27-30 ธ.ค. 62 มีจำนวนทั้งสิ้น 5,008 คดี จำแนกเป็น คดีขับรถขณะเมาสุรา 4,856 คดี คิดเป็นร้อยละ 96.96, คดีขับเสพ 139 คดี คิดเป็นร้อยละ 2.78, คดีขับซิ่ง แข่งรถ 1 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.02, คดีขับรถประมาท 12 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.24 เมื่อเปรียบเทียบสถิติคดีที่เข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติ สะสม 4 วัน ช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2562 และ พ.ศ. 2563 พบว่า คดีขับรถขณะเมาสุรา ปี 62 มีจำนวน 3,151 คดี กับปี 63 มีจำนวน 4,856 คดี เพิ่มขึ้นถึง 1,705 คดี คิดเป็นร้อยละ 54.11
นายวิตถวัลย์เผยต่อว่า จังหวัดที่มีสถิติคดีขับรถขณะเมาสุราสะสมสูงสุดยังคงเป็นกรุงเทพมหานคร ด้วยจำนวนคดีสูงถึง 306 คดี ในขณะที่ภาคอีสานมีสถิติคดีขับรถขณะเมาสุราสะสมสูงสุดมากถึง 8 จังหวัด จาก 10 ลำดับแรก ได้แก่ ขอนแก่น มหาสารคาม อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ นครพนม กาฬสินธุ์ และสุรินทร์ นอกจากนี้ กรมคุมประพฤติยังตรวจสอบประวัติการกระทำผิดในฐานความผิดขับรถขณะเมาสุราอย่างต่อเนื่อง จำนวน 1,835 คดี พบมีผู้กระทำผิดซ้ำจำนวน 63 คดี
“ประชาชนส่วนใหญ่เดินทางถึงที่หมายแล้ว ขณะที่บางส่วนยังอยู่ระหว่างการเดินทาง กรมคุมประพฤติได้เน้นย้ำสำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศให้ความสำคัญกับการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดยสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ประจำจุดบริการประชาชน ทั้งถนนสายหลักและสายรอง จำนวน 152 จุด โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมประกอบด้วย อาสาสมัครคุมประพฤติ เครือข่ายยุติธรรมชุมชน ผู้ถูกคุมความประพฤติ ประชาชน และเครือข่ายในพื้นที่ จำนวนทั้งสิ้น 967 คน พร้อมทั้งได้จัดให้มีการทำงานบริการสังคมโดยให้ผู้ถูกคุมความประพฤติแจกน้ำดื่ม กาแฟ และอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่เดินทางสัญจรบนท้องถนน”