MGR online -ดีเอสไอตามแกะรอยคดี"บิลลี่"ถูกอุ้มฆ่ากลางอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน แม้จะยังไม่ออกหมายจับใคร มีเพียงผู้ต้องสงสัยส่วนใหญ่จะเป็นจนท.และอดีตหน.อุทยานฯ ซึ่งจากการสอบปากคำขัดแยังกับผลสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยดีเอสไอระบุว่าอีกไม่นานจะสรุปสำนวนส่งฟ้องอัยการแล้ว ซึ่งจะให้หลักฐานนิติวิทย์ในการมัดตัว
วันนี้ (17 ต.ค.) สืบเนื่องจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้รับสำนวนคดีฆาตกรรม นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ "บิลลี่" แกนนำกระเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย จาก สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หลังรับเป็นคดีพิเศษเนื่องจากมีความซับซ้อน ซึ่งแรกเริ่ม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ดำเนินการสืบสวนสอบสวนความผิด นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กับพวก ตาม ม.157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีไม่ดำเนินการเปรียบเทียบปรับ และไม่นำตัว นายบิลลี่ ผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.อุทยาน พ.ศ.2504 พร้อมของกลาง ส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.แก่งกระจาน ในคดีลักลอบขนน้ำผึ้งป่า 6 ขวด
เมื่อ ดีเอสไอ รับสำนวนคดีจาก ป.ป.ช. มาตรวจสอบพบว่าคำให้การของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ มีความขัดแย้งกับผลนิติวิทยาศาตร์บางส่วน ทำให้ดีเอสไอต้องนำต้องเก็บหลักฐานต่างๆ มาประกอบรวมกันโดยการใช้หลักนิติวิทยาศาสตร์เข้าช่วย ดังนี้ 1.กระดูกมนุษย์หรือกะโหลกศีรษะข้างซ้ายที่พบ โดยการตรวจ "ไมโทคอนเดรีย" พบว่าดีเอ็นเอตรงกับ นางโพเราะจี รักจงเจริญ แม่ของบิลลี่ แต่ยังต้องตรวจเพิ่มเพื่อระบุยืนยันตัวบุคคล จึงตรวจแบบปกติ เรียกว่า "ออโต้ โครโมโซม" แต่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่นำดีเอ็นเอที่เสื่อมสภาพมาเรียงให้คล้ายแบบเดิมเพื่อตรวจพิสูจน์ ซึ่งขณะนี้ยังรอผลจาก สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม
2.กล้องวงจรปิด 4 จุดในพื้นที่เขื่อนแก่งกระจ่าน ไม่สอดคล้องกับคำให้การของเจ้าหน้าที่อุทยาน คือ (1)จุดพุไทร พบมีรถเพียงคันเดียวที่เป็นของอุทยาน ผ่านไปที่ด่านมะเร็ว ในเวลา 16.02น. และกลับออกมาในเวลา 16.17 น. และมีรถของเจ้าหน้าที่ประจำด่านตามออกมาในอีก 3 นาที เวลา 16.20 น. นำมาประกอบคำให้การที่เจ้าหน้าที่อุทยานยอมรับว่า ควบคุมตัวบิลลี่ไว้บนรถคันนี้ ซึ่งรถคันนี้เป็นรถที่นายชัยวัฒน์ใช้ (2)จุดคุ้มนางพญา พบภาพรถอุทยานคันนี้ผ่านกล้องในเวลา 16.43 น. เส้นทางของรถมุ่งไปทางด่านสามยอด ทางขึ้นเขาพะเนินทุ่ง ซึ่งขัดกับคำให้การของนายชัยวัฒน์ ที่อ้างว่า กลับบ้านที่ไร่ชัยราชพฤกษ์ ซึ่งอยู่คนละทาง และกล้องคุ้มนางพญายังจับภาพได้ว่า รถคันนี้วิ่งผ่านกลับมาในเวลา 19.50 น. (3)จุดร้านสมร จับภาพรถอุทยานคันเดียวกัน วิ่งผ่านในเวลา 20.05 น. แต่กลับไม่มีภาพของบิลลี่ที่อ้างว่าถูกปล่อยตัวเลย และ (4)จุดหนองปืนแตก ซึ่งเป็นจุดทางกลับไปไร่ชัยราชพฤกษ์ ของนายชัยวัฒน์ ตามคำให้การของพยาน แต่กลับไม่พบภาพรถของอุทยานขับผ่านจุดนี้เลยแม้แต่คันเดียว
3.สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก 20 ปาก ทั้ง พยานในส่วนของเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนในพื้นที่เกิดเหตุ แพทย์นิติเวช และพนักงานสอบสวนชุดต่างๆ ที่ต้องให้การยืนยัน
ในสำนวนก่อนขึ้นเป็นพยานในชั้นศาล รวมถึงพ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผอ.สำนักปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 2 ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง
4.ตรวจสอบการติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคล เพื่อเชื่อมโยงกับคำให้การของพยานและผู้เกี่ยวข้อง 5.ถังน้ำมันที่พบกระดูกมนุษย์เพื่อตรวจสอบอุณหภูมิความร้อนในการเผาและลักษณะทางกายภาพ 6.กล้องถ่ายรูปของนายบิลลี่ (ยังไม่พบ) และ 7.รถจักรยานยนต์ของนายบิลลี่ (ยังไม่พบ)
- ส่วนการบินสำรวจ 6 จุดนั้น จะเน้นการเชื่อมโยงและการเดินทางจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งสอดคล้องกับระยะเวลาหรือไม่
1.ด่านตรวจเขามะเร็ว พื้นที่สุดท้ายที่มีผู้พบเห็นนายบิลลี่ เมื่อวันที่ 17 เม.ย.57 ระหว่างถูกเจ้าหน้าที่อุทยานควบคุมตัวฐานครอบครองน้ำผึ้งป่า
2.สี่แยกบ้านหนองมะค่า เป็นจุดเจ้าหน้าที่ฯ อ้างว่าปล่อยตัวบิลลี่ไปแล้ว แต่ภายหลังมีประเด็นว่าพยานไม่เห็นการปล่อยตัว
3.บริเวณสะพานแขวนแก่งกระจาน จุดพบถังน้ำมันและกระดูกมนุษย์
4.บ้านไร่ชัยราชพฤกษ์ บ้านพักของ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานฯ เคยให้การว่าปล่อยตัวบิลลี่แล้วขับรถกลับบ้าน แต่จริงแล้วกล้องวงจรปิดจับภาพ รถหัวหน้าอุทยาน
5.บริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติห้วยคมกฤต อยู่ในเส้นทางขึ้นเขาพะเนินทุ่งเส้นทางมีภาพจากกล้องจุดคุ้มนางพญา บันทึกภาพรถอุทยานคันที่ควบคุมตัวนายบิลลี่ ผ่านกล้องเวลา 16.43 น. และ ผ่านกลับมาเวลา 19.20 น. ซึ่งเป็นคนละเส้นทางกันและเป็นจุดมีห้วยน้ำลึก
6.พื้นที่บ้านบางกลอยบน และบ้านใจแผ่นดิน เป็นจุดที่บ้านของชาวกะเหรี่ยงถูกเผาในยุทธการตะนาวศรี พ.ศ.2554 เป็นจุดเริ่มต้นประเด็นนายบิลลี่และกลุ่มชาวกะเหรี่ยง เริ่มมีการเคลื่อนไหวฟ้องร้องต่อศาลปกครอง กรณีถูกขับไล่ออกจากถิ่นฐาน
นี่เป็นการตรวจสอบตามนิติวิทยาศาสตร์เพียงบางส่วน ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องมารวบรวมประกอบในสำนวนคดีให้รัดกุมมากที่สุดเพื่อนำคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย อีกไม่นานหลักฐานนิติวิทย์ คงจะได้พิสูจน์กระบวนการยุติธรรม จะสามารถมัดตัวทีมอุ้มฆ่าได้หรือไม่...