xs
xsm
sm
md
lg

"กึกก้อง ดิศวัฒน์" ผู้ทลายกำแพงค้ามนุษย์ ชุบชีวิตเด็กกลับคืนสู่สังคม

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


(Police Focus)

นอกจากเป็นจุดหมายปลายทาง ของผู้ต้องการเข้ามาแสวงโชคในเมืองหลวงแล้ว สถานีรถไฟกรุงเทพ หรือเรียกกันผิดๆ ว่า "หัวลำโพง" ยังเป็นแหล่งค้ามนุษย์ที่แอบฝังตัวอยู่ ใครโชคดีก็ได้เดินไปสู่ความฝันของตัวเองต่อ หากโชคร้ายก็ต้องมาตกเป็นทาสของวงจรอุบาทว์ ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลจากการถูกทารุณ เพื่อแลกกับเงินอันแสนน้อยนิดและยาเสพติด ยังมีสถานที่อีกหลายแห่งทั่วกรุงเทพฯเป็นเช่นนี้

ปลายเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) นำโดย พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบก.ปคม.ได้สั่งการตำรวจ ปคม.เข้ากวาดล้างแก๊งค้ามนุษย์ย่านหัวลำโพง สามารถจับกุมหัวโจกได้ทั้งหมด 13 ราย พร้อมนำเหยื่อกว่า 10 รายจากทั้งหมด 30 ราย คัดแยกแล้วสอบถามร่วมกับสหวิชาชีพ ในจำนวนนี้ติดเชื้อ HIV ทุกคนได้รับการเยียวยาภายใต้การดูแลของนักจิตวิทยา และนักสังคมสงเคราะห์

โดย พ.ต.อ.กึกก้อง ดิศวัฒน์ ผกก.6 บก.ปคม.และตำรวจ กก.6 บก.ปคม.ได้รับมอบหมายให้ร่วมมือกับ กก.1 บก.ปคม.ระดมทีมสืบสวนจับกุมเครือข่ายดังกล่าว หลังเฝ้าติดตามพฤติการณ์นานกว่า 2 เดือน ขั้นตอนอยู่ระหว่างขยายผลจับกุมเครือข่าย เป็นการปราบปรามและป้องกันไม่ให้ขบวนการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เพื่อไม่ก่อปัญหาอื่นๆ ตามมา ทั้งลักวิ่งชิงปล้น ยาเสพติด และการแพร่ระบาดเชื้อ HIV ซึ่งมีผลต่อภาพลักษณ์ท่องเที่ยวของประเทศ

พ.ต.อ.กึกก้อง เปิดเผยว่า ผบก.ปคม.ให้ความสนใจลงมาควบคุมปฏิบัติด้วยตนเอง มีเจตนาให้สังคมในโซนหัวลำโพงดีขึ้น เนื่องเป็นสถานที่เดินทางของนักท่องเที่ยว ปคม.ต้องการทำงานให้ปรากฏเห็นชัด เราอยู่ระหว่างการประเมินของต่างชาติ ช่วงแรกร่วมงานกับชุด ศพดส.ตร.ปราบปรามเรื่องการขนคน ที่ใช้เมืองไทยเป็นทางผ่านไปยังต่างประเทศ สุดท้ายมาจับงานที่เกี่ยวกับการดูแลประชาชน ที่มีปัญหาการค้ามนุษย์ตามพื้นที่ต่างๆ

กก.6 บก.ปคม.รับผิดชอบพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่างมีหน้าที่ 1. เรื่องการดูแลประชาชนในพื้นที่ 2. เรื่องการปราบปรามการค้ามนุษย์ในพื้นที่ และ 3. ร่วมมือกับ กก.ต่างๆ ในการช่วยเหลือสังคม เช่น จับกุมขบวนการค้ามนุษย์หัวลำโพง รวมถึงการติดตามจับกุม เช่น คดีเสี่ยรับเหมาและคนงานอีก 4 คน ข่มขื่นกระทำชำเรา "น้องใบม่อน" ในพื้นที่ย่านประเวศ และในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หลายครั้ง

ขั้นตอนรวบรวมข้อมูลของแก๊งหัวลำโพง มีการบูรณาการระหว่างหลายหน่วยงาน แก๊งนี้คล้ายกับกองกำลังเล็กๆ กระทำความผิดหลายประเภท โดยใช้เด็กเป็นเครื่องมือสำหรับหาผลประโยชน์ เช่น จี้ชิงทรัพย์ ปล้นนักท่องเที่ยว รีดไถ่เงิน ค้าประเวณี และจำหน่ายยาเสพติด ในการปราบปรามช่วงปลายเหตุ อาจมีความยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้น เลยจัดการขบวนการที่ไม่ใหญ่มากก่อน แล้วค่อยละลายกลุ่มขบวนการที่เหลือ

"เมื่อเหยื่อลงรถไฟโดยไม่มีผู้ปกครอง จะเล็งเป้าหมายอายุ 14 - 16 ปี ก่อนส่งเด็กเข้าตีสนิทชักชวนหรือจับเข้าแก๊งทันที บางครั้งก็ไปชักชวนเด็กในละแวก มีหัวโจก 2 คนที่มีพฤติกรรมเป็นเสือไบ ชอบจับเด็กมายัดก้นก่อนเลย ส่วนใหญ่ในแก๊งเป็นเด็กผู้ชาย แทบทุกคนจะถูกชักชวนให้เสพยา เพื่อง่ายต่อการควบคุมกันเอง และให้ตกเป็นทาสยาเพื่อเหนี่ยวรั้ง เด็กอาศัยนอนตามนอนมูลนิธิ ข้างถนน บริเวณใกล้เคียง และในโรงแรมกรณีรับแขก ส่วนหัวโจกนอนในโรงแรม แต่ละคนจะมีรายได้ตกเดือนละ 3 หมื่นบาท"

รองโป้ง เล่าต่อว่า สำหรับเงินจากการค้าประเวณีเรทอยู่ที่ 500 บาท หรือตามที่แขกจะให้มากสุด 2,000 บาท เมื่อเสร็จงานหัวโจกหักค่าหัวคิวประมาณ 200 บาท ส่วนยาเสพติดมีขายให้เด็กกันเองด้วย มีการตั้งกฎภายในแก๊งหากทำผิด เช่น หาเงินไม่ได้ ลักขโมยน้อยภายในแก๊ง และเอาเรื่องไปเปิดเผย จะมีมาตรการลงโทษด้วยวิธีต่างๆ ทั้งตบ แตะ ตี หนักหน่อยถึงขั้นสลบ น้ำตาเทียนลนตามร่างกาย แม้กระทั่งใช้มีดกรีดลงบนแขน

สาเหตุเลือกใช้สถานที่ย่านหัวลำโพง 1. เป็นภูมิลำเนาและที่ทำมาหากินของหัวโจก 2. เป็นสถานที่ให้คนเร่ร่อนหากินกับนักท่องเที่ยวได้ คดีนี้ไม่มีผู้เสียหายแต่มีพลเมืองดีมาแจ้ง เด็กบางคนไม่รู้ว่าตัวเองตกเป็นเหยื่อ เพราะคิดว่าได้ประโยชน์จากตรงนี้ เหยื่อไม่ได้เรียนหนังสือบ้านยากจน ถ้าเราอายุเท่าเขาความคิดก็คงไม่ทันโลก ภูมิใจที่เราคัดแยกออกมาได้กว่า 10 คน ที่เหลือยังคงอยู่ในบริเวณใกล้เคียงในวันจับกุมได้วิ่งหลบหนีไป

เขาจะได้รับการฝึกฝนอาชีพโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) บางส่วนถ้าคิดได้ก็กลับเข้ามาในสังคมได้ เป็นโอกาสดีของเด็กที่ยังมีโอกาสอยู่ แต่ถ้าคนไหนกร้านโลกคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่เป็นเรื่องปกติ ก็ยากเกินที่จะเยียวยา หากปล่อยไปกลุ่มเหล่านี้ขยายตัวมากขึ้น พอเติบโตก็กลายเป็นองค์กรของเขา โดยรวมเรื่องการค้ามนุษย์ส่วนใหญ่เหยื่อจะเป็นผู้หญิงและเด็ก เราต้องใช้ความละเอียดรอบครอบมากขึ้น กฎหมายก็ต้องมีความพิเศษมากขึ้น

ลูกชาย พล.ท.วิรัติ ดิศวัฒน์ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก เล่าย้อนว่า ผมจบ นรต.รุ่น 50 เคยทำงานใน บช.ภ.3 บช.ภ.4 สงป. สตม. บช.ก. บช.ทท. บก.ปปป. ส่วนมากจะอยู่ในเส้นทางสืบสวน ครั้งหนึ่งได้รับรางวัลปราบปรามการค้ามนุษย์ สมัย พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ เป็น ผบ.ตร.พร้อม ผบ.ตร.ของออสเตรเลียเป็นผู้มอบโล่ให้ นอกจากนี้ เคยลงไปรับราชการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในยุคที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็น ผู่ช่วย ผบ.ตร.

"การที่ผมได้มาทำงานด้านค้ามนุษย์ก็รู้สึกภูมิใจ ที่ผู้บังคับบัญชามองเห็นความสามารถ มอบหมายให้ผมมาดูแลประชาชนและผู้เสียหาย โดยมีหลักการทำงานอยู่ 5 รักษ์คือ 1. รักษ์ชาติ 2. รักษ์ศาสนา 3. รักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ 4. รักษ์ประชาชน และ 5. รักษ์ตัวเอง ประกอบกับอุดมคติของตำรวจ สิ่งประทับใจในอาชีพตำรวจของผมคือ ได้ทำงานที่ตัวเองรักและได้ดูแลประชาชน ตามสไตล์ รุกรบ จบเร็ว ทำได้ ทำทันที"







กำลังโหลดความคิดเห็น