รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันอังคารที่ 8 ตุลาคม 2562 ตอน ฝ่ายค้านได้ใจเร่งเครื่อง บันได 3 ขั้นแก้รัฐธรรมนูญ
การที่พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 มอบหมายให้ พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้อำนวยการสำนักงานพระธรรมนูญทหารบก และผู้ชำนาญการสำนักงาน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี
เพื่อให้ดำเนินคดีกับบุคคลรวม 12 คน ซึ่งเป็นแกนนำพรรคฝ่ายค้านและนักวิชาการ หลังร่วมกันจัดเสวนา เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ปัตตานี เมื่อวันที่ 28 ก.ย.
จับอาการ และความรู้สึก ของแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน ไม่ได้หวั่นเกรงอะไรแม้แต่น้อย หลังจากที่บิ๊กทหาร เปิดหน้ารบ เล่นบทขวางการเดินสายของพรรคฝ่ายค้านในการเคลื่อนไหวแก้รัฐธรรมนูญ แจ้งข้อหากระทำความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ฐานยุยงปลุกปั่น
แต่กลับพบว่า แกนนำฝ่ายค้าน อย่างสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ วันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กลับแสดงท่าทรพร้อมเปิดหน้าแลก อย่างเต็มที่ ต่อทั้งรัฐบาล และกองทัพ
เห็นได้จาก ปฏิกริยา โต้กลับอย่างรวดเร็ว ด้วยการที่แกนนำพรรคฝ่ายค้านขอเอาคืนบ้าง ด้วยการบุกกองปราบปรามเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อ แจ้งความดำเนินคดีกับ พล.ท.พรศักดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และพล.ต.บุรินทร์ ในความผิดฐานแจ้งความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน พนักงานสอบสวนฯ
และข่าวว่าจะมีอีกหลายดาบตามติด เพื่อฟาดกลับคืนไป ไม่ว่าจะเป็นการนำเรื่องการแจ้งความดังกล่าวของแม่ทัพภาคที่4 ไปเป็นประเด็นในการอภิปรายงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ในการประชุมสภาฯเพื่อพิจารณาร่างพ.รบ.งบฯปี2563 ในสัปดาห์หน้า
รวมถึงที่ขู่ไปแล้วว่า เรื่องดังกล่าว จะเป็นอีกประเด็นที่จะถูกนำไปพูดถึง ในช่วงการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะรมว.กลาโหม ในเดือน ธ.ค.นี้
แต่น้ำหนักการรุกคืบของฝ่ายค้าน ยังคงทุ่มไปที่การเดินสาย สร้างกระแส หาแนวร่วมจากประชาชนทั่วประเทศ ให้สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เพราะกรณีที่ ฝ่ายทหาร แจ้งความดำเนินคดีอาญาข้อหาหนักหฝกับแกนนำฝ่ายค้าน ทางฝ่ายค้าน ก็ประเมินกันว่า เท่ากับ ยุทธศาสตร์ เดินสาย สี่ภาค เพื่อปลุกกระแส หาแนวร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถือว่ามาถูกทางแล้ว หลังเกิดกรณี ทหารแจ้งความแกนนำฝ่ายค้าน
เรื่องนี้มีการวิเคราะห์ว่า การเคลื่อนไหวเพื่อแก้ไขรธน.ของฝ่ายค้าน กำลังสร้างความหนักใจทางการเมืองให้กับฝ่ายรัฐบาล จนต้องพยายามหาทางสกัดฝ่ายค้าน แต่ที่ผ่านมา หาเหตุไม่ได้ จนมาสบช่อง กับการที่ฝ่ายค้านเองพลาดที่ปล่อยให้เกิดการผิดคิวขึ้นบนเวทีที่ปัตตานี
กับกรณีของ นางชลิตา บัณฑุวงศ์ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่ไป แสดงความคิดเห็นให้แก้ไข รธน. มาตรา 1 ที่บัญญัติว่า “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้” ที่สร้างกระแสคัดค้าน ต่อต้านอย่างหนัก
การแสดงความคิดเห็นประเด็นนี้เปิดช่องให้ ทหาร ใช้เป็นเหตุแทงกลับเพื่อสกัดฝ่ายค้าน ซึ่งฝ่ายค้านเชื่อว่ามีการไฟเขียวมาจากส่วนกลางให้ดำเนินการ จน พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ หรือบิ๊กเดฟ แม่ทัพภาคที่4ที่เป็นเพื่อนสนิท เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารรุ่น 20กับพลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก
ขณะนี้ฝ่ายค้านไม่ได้หวาดกลัวอะไร แถมให้ราคาตัวเองว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวมาถูกทาง เพราะทำให้ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคง จับตามองทุกฝีก้าว เพียงแต่การเคลื่อนไหวต่อจากนี้ ก็ต้องรัดกุม
ไม่ให้มีการแหกโผกลางงานแบบกรณี นางชลิตา นักวิชาการ ถ้าคุมไม่ให้เกิดการผิดคิวได้ การเดินเครื่องรุกหนักเพื่อสร้างกระแสแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฝ่ายค้าน ก็เชื่อว่า วันข้างหน้าจะต้องมีแนวร่วมมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้ แกนนำฝ่ายค้าน จึงยืนยันจะเร่งเครื่องเดินหน้าเคลื่อนไหว ปลุกกระแสแก้ไขรัฐธรรมนูญให้หนักขึ้นไปอีก ตามแผนบันได 3ขั้น แก้รัฐธรรมนูญที่ฝ่ายค้านวางไว้ ที่จะเริ่มรณรงค์หนักขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน หลังสภาฯเปิดสมัยประชุม1พ.ย.
โดยเฉพาะเมื่อสภาฯมีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาแนวทางการแก้ไขรธน. ก็จะให้มีการเคลื่อนไหวหนักขึ้นเรื่อยๆ มากกว่าเดิม
ภายใต้กรอบ บันได3 ขั้น ของฝ่ายค้าน ที่วางแนวเคลื่อนไหวไว้ดังนี้ บันไดขั้นที่1 มุ่งเน้นการ สร้างการรับรู้ของประชาชนให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหาทั้งระยะเฉพาะหน้าและระยะยาว
ระยะที่ 2 สร้างความเข้าใจแก่ปัญหาประชาชนว่า เมื่อรัฐธรรมนูญมีปัญหา แล้วปัญหาดังกล่าว สัมพันธ์กับปัญหาของประชาชนในด้านต่างๆ อย่างไร
ระยะที่ 3 เรียกได้ว่า เป็นบันไดขั้นสุดท้าย ที่จะชี้ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ สำเร็จหรือไม่สำเร็จ โดยฝ่ายค้านวางแนวไว้ว่า ต้องทำให้เกิดกระแสลักษณะแบบฉันทามติของคนในสังคม ที่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ
แบบเดียวกับปี 2540 ที่เกิดกระแสธงเขียว ให้ส.ส.เวลานั้น ต้องรับร่างรัฐธรรมนูญ แต่รอบนี้ จะสร้างกระแสกดดันนอกรัฐสภา ให้สมาชิกรัฐสภา ทั้งส.ส.รัฐบาล ฝ่ายค้าน และสมาชิกวุฒิสภา ต้องเอาด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
แผนบันไดสามขั้นดังกล่าว ของฝ่ายค้าน จะสำเร็จหรือกลายเป็นฟืนเปียกน้ำปลุกกระแสไม่ขึ้น ขอให้ติดตามกันให้ดี