xs
xsm
sm
md
lg

ศาลฎีกา แจงการตรวจร่างคำพิพากษา ไม่ได้เเทรกเเซงองค์คณะผู้พิพากษา

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR online -แหล่งข่าวในศาลฎีกา ชี้เเเนวคิดเเก้กฎหมายห้ามตรวจร่างคำพิพากษาเคยใช้ เกิดปัญหามาเเล้ว ระบุการตรวจร่างคำพิพากษาเพื่อให้เกิดความรอบคอบ ไม่ได้เป็นการเเทรกเเซงองค์คณะ ยังยืนยันความเห็นพิจารณาเป็นอิสระได้

วันนี้( 7 ต.ค.) เเหล่งข่าวผู้พิพากษาระดับสูงในศาลฎีกา ได้กล่าวถึงกรณีที่สภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เเละนายสิระ เจนจาคะ สส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะ รองประธานคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน ออกมาให้ความเห็นถึงกรณีนายคณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดยะลา ใช้อาวุธปืนยิงตัวเองบนบัลลังก์ศาลโดยนาย สิระจะเสนอเรื่องดังกล่าวให้ที่ประชุมกรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน ลงมติว่าจะรับพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงเเละดูในเรื่องของข้อกฎหมาย ว่า จำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมพระธรรมนูญศาลยุติธรรม เพื่อห้ามกระทำการตรวจร่างคำพิพากษาก่อนอ่านให้คู่ความฟัง ทั้งห้ามกระทำการใด ๆ อันมีผลเป็นการแทรกแซงผลคำพิพากษา ตามข้อเรียกร้องของนายคณากรหรือไม่ ว่า

ศาลยุติธรรมใช้ระบบตรวจสำนวนและร่างคำพิพากษาที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมาตั้งแต่ดั้งเดิม โดยถือว่าเป็นการตรวจสอบภายในองค์กร เพื่อให้เกิดความถูกต้องเป็นธรรมแก่คู่ความ และเป็นการช่วยดูแลมาตรฐานของคำพิพากษาที่จะมีผลกระทบต่อประชาชน อีกทั้งยังเป็นการถ่ายททอดประสบการณ์ จากผู้พิพากษาผู้ใหญ่ ไปยังผู้พิพากษารุ่นต่อๆมา แต่การตรวจร่างคำพิพากษายังคงให้อิสระแก่องค์คณะผู้พิพากษาที่จะยืนยันคำตัดสินของตน โดยไม่จำต้องปฏิบัติตามความเห็นที่มีลักษณะเป็นข้อทักท้วงของผู้พิพากษาผู้ใหญที่ต้องมีความรับผิดชอบในการทำความเห็นเป็นลายลักษณ์อักษร และสามารถตรวจสอบได้ ครั้น มีการร่าง รธน.ปี 2540 มีแนวคิดให้องค์คณะผู้พิพากษามีอิสระในการพิจารณาพิพากษาคดีปราศจากการตรวจสอบโดยห้ามผู้พิพากษาที่เป็นผู้บริหารศาลตรวจสำนวนและร่างคำพิพากษาก่อนอ่านให้คู่ความฟัง

หลังจากนั้น มีสถิติซึ่งรวบรวมไว้ ปรากฎชัดแจ้งว่า คำพิพากษาศาลชั้นต้นถูกกลับและแก้ไขโดยศาลสูงมากขึ้นเป็นลำดับๆ จนน่าตกใจ (ตามรายงานการศึกษาของคณะทำงานเพื่อพิจารณาผลกระทบจากการปรับโครงสร้างศาลตาม รธน.2540 ) ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากผลคำพิพากษาศาลชั้นต้นจึงตก แก่ประชาชน เพราะมีความผิดพลาดเกิดมากขึ้น แม้คำพิพากษาศาลชั้นต้นจะถูกแก้ไขโดยศาลสูงให้ถูกต้องสมบูรณ์ก็ตาม

ครั้นเมื่อมี รธน.ปี 2550 จึงมีการแก้ไขกฎหมายกลับมาใช้ระบบตรวจคำพิพากษาแบบเดิมที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมิได้ถือว่าเป็นการแทรกแซงการตัดสินคดี แต่เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ถูกต้อง และให้เกิดความละเอียดรอบคอบมากยิ่งขึ้น ดังนั้น การเสนอให้แก้ไขกฎหมายเพื่อให้องค์คณะผู้พิพากษาใช้ดุลพินิจอย่างอิสระ โดยผู้เสนอความเห็นมิได้ศึกษาข้อมูล และความเป็นมาของระบบการตรวจสำนวนและร่างคำพิพากษาที่ใช้อยู่ภายในองค์กรศาลยุติธรรม และปัญหาที่เกิดขึ้นจากการห้ามตรวจสอบร่างคำพิพากษาก่อนอ่านให้คู่ความฟังทุกกรณี ให้ถ่องแท้เสียก่อน อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบการพิจารณาพิพากษาคดี ความเสียหายย่อมตกแก่ประชาชนในที่สุด ดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต


กำลังโหลดความคิดเห็น