MGR online - ศาลอนุญาต“ตู่-จตุพร” ถอนฟ้อง “วัชระ เพชรทอง” อดีต ส.ส.ปชป.หมิ่นประมาทกล่าวหาอมเงินม็อบเสื้อแดง หลัง “วัชระ” ถอนฟ้องคดีสามเกลอ นปช.หมิ่นพิมพ์หนังสือ “สมัครจาบจ้วงป๋าเปรม” ขึ้นมาใหม่
วันนี้ (9 ก.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.3910/2553 ที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเมธี อมรวุฒิกุล อดีตแนวร่วม นปช. และอดีตดารานักแสดงชื่อดัง และ นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กับพวก เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 และ 332
กรณีเมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2553 นายเมธี อมรวุฒิกุล แถลงข่าวที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทำนองว่านายจตุพรอมเงินบริจาคของคนเสื้อแดงจำนวน 68 ล้านบาท รวมทั้งกล่าวหาว่านายจตุพรโทรศัพท์ขู่ฆ่าจำเลย ต่อมานายวัชร เพชรทอง จำเลยที่ 4 ได้นำคำแถลงและคำสัมภาษณ์ไปเผยแพร่ ทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่าโจทก์เป็นคนไม่ดีและเบียดบังเงินบริจาคไปเป็นของตนเอง ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดี
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้อความซึ่งนายเมธี จำเลยที่ 1 กล่าวหาทำให้โจทก์เสียหายว่าอมเงินบริจาค การกระทำของจำเลยที่ 1 ในส่วนนี้จึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท พิพากษาให้จำคุกนายเมธี 2 ปี และปรับ 100,000 บาท คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาเห็นควรลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกเป็นเวลา 1 ปี 4 เดือน และปรับ 66,666 บาท ขณะที่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี ส่วนจำเลยที่ 2-7 ให้ยกฟ้องเนื่องจากไม่มีข้อเท็จจริงเพียงพอว่าได้ร่วมกันกระทำผิดกับจำเลยที่ 1
ต่อมานายจตุพรโจทก์ และนายเมธี จำเลยที่ 1 ยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาเมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2559 ว่าการกระทำของ นายเมธี จำเลยที่ 1 เป็นความผิด แต่ก็มีเหตุอันควรปรานี เมื่อไม่ปรากฏว่าได้รับโทษจำคุกมาก่อนจึงเห็นสมควรให้โอกาสนายเมธี จำเลยที่ 1 ได้กลับตัว การใช้ดุลพินิจกำหนดโทษของศาลชั้นต้นโดยรอการลงโทษจึงเหมาะสมแล้ว ส่วนข้อเท็จจริงปรากฏตามทางนำสืบว่า นายวัชระ จำเลยที่ 4 ได้คัดลอกคำให้สัมภาษณ์ของนายเมธี จำเลยที่ 1 มาใส่ในบทความโดยมีข้อความที่นายเมธีกล่าวหมิ่นประมาทโจทก์รวมอยู่ด้วยโดยไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แน่นอนเสียก่อน และมิได้คำนึงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่โจทก์ มิใช่การติชมด้วยความเป็นธรรมโดยสุจริต จึงมีความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า นายเมธี จำเลยที่ 1 และนายวัชระ จำเลยที่ 4 มีความผิดฐานหมิ่นประมาท ตาม ป.อาญา มาตรา 328 ประกอบมาตรา 83 จำคุกคนละ 2 ปี และปรับคนละ 1 แสนบาท คำเบิกความเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกคนละ 1 ปี 4 เดือน ปรับคนละ 66,666 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้มีกำหนด 2 ปี และให้จำเลยที่ 1 และ 4 ร่วมกันลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ 2 ฉบับ เป็นเวลา 3 วัน
ต่อมา นายวัชระ จำเลยที่ 4 ยื่นฎีกาเพียงคนเดียว ส่วนนายเมธี จำเลยที่ 1ไม่ได้ยื่นฎีกา โดยยอมรับผลตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ในวันนี้ นายวัชระ เพชรทอง จำเลยที่ 4 เดินทางมาฟังสั่งฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีหมิ่นประมาทเป็นความผิดส่วนตัว โจทก์มีสิทธิถอนฟ้องก่อนจะมีคำพิพากษาฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 35 วรรสอง ซึ่งศาลได้สอบถามนายวัชระ จำเลยที่ 4 แล้วไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ถอนฟ้องได้ และจำหน่ายคดีของจำเลยที่ 4 ออกจากสารบบ
ภายหลัง นายวัชระ ให้สัมภาษณ์ว่า คดีนี้นายจตุพรโจทก์ถอนฟ้อง ศาลจึงอนุญาตให้ถอนฟ้อง เนื่องจากเป็นความผิดส่วนตัวจึงมีสิทธิถอนฟ้องได้ โดยก่อนหน้านี้ตนก็ได้ถอนฟ้องที่นายจตุพรเป็นจำเลย กรณีหมิ่นประมาทกล่าวหาตนเองว่า พิมพ์หนังสือ “สมัคร ทักษิณ จาบจ้วง ป๋าเปรม ถึงนอมินี” ขึ้นมาใหม่หลังจากที่นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีถึงแก่อสัญกรรม สำหรับเหตุผลที่ตนเองถอนฟ้องคดีนั้นให้เพราะ ภรรยา เป็นเพื่อนกับนายจตุพร จึงต้องถอนฟ้องให้ ความจริงแล้วตนเองก็อยากจะสู้คดีให้ถึงที่สุด แต่เมื่อคิดอีกทีก็เห็นว่าคดีหมิ่นประมาทควรจะพูดคุยทำความเข้าใจกัน น่าจะเป็นผลดีมากกว่าจะต้องติดคุก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายจตุพร โจทก์ได้ยื่นถอนฟ้อง โดยระบุเหตุผลในเอกสารขอถอนฟ้องว่า โจทก์และนายวัชระ จำเลยที่ 4 มีคดีพิพาทกันหลายคดีและได้ตกลงที่จะยุติคดีซึ่งกันและกัน ไม่ติดใจเอาความกันอีกต่อไป โดยจำเลยที่ 4 ในคดีนี้ได้ถอนฟ้องโจทก์ที่เป็นจำเลยในคดีอื่นแล้ว จึงเป็นประโยชน์ต่อคู่ความทั้งสองฝ่าย ทั้งคดีนี้ยังเป็นความผิดอันยอมความกันได้ โจทก์จึงขอถอนฟ้องจำเลยที่ 4 ในคดีตามที่ได้ตกลงกันไว้ โทก์จึงไม่ติดใจที่ดำเนินคดีจำเลยที่ 4 อีกต่อไป จึงขอถอนฟ้องจำเลยที่ 4 ออกจากสารบบความ
ส่วนนายวัชระก็ได้ถอนฟ้องคดีที่นายจตุพรตกเป็นจำเลย คดีหมายเลขดำที่ อ.4977/2555 ที่นายวัชระเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายวีระกานต์ หรือวีระ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช., นายจตุพร ประธาน นปช. และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. จำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา, พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 และเรียกค่าเสียหาย 10 ล้านบาท กรณีจัดรายการความจริงวันนี้ ออกอากาศสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีทีวีของคนเสื้อแดง กล่าวหาว่าโจทก์พิมพ์หนังสือชื่อ “สมัคร ทักษิณ จาบจ้วง ป๋าเปรม ถึงนอมินี” ขึ้นมาใหม่หลังจากที่นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีถึงแก่อสัญกรรม ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก คนละ 1 ปี ปรับคนละ 5 หมื่นบาท โดยโทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี