ผ่านไปแล้ว 6 วันผลลัพธ์ออกมาเป็นตัวเลขที่ดีสำหรับ โครงการปรับปรุงและพัฒนาระบบตรวจจับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรใหม่ (Red Light Camera System) ของศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.02) นำโดย พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. (รับผิดชอบด้านงานจราจร) และ พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ผบก.จร. ที่นำเอาของเดิมจากปี 2552 มาปัดฝุ่นเสียใหม่ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น
โดยได้คนทำงานมากฝีมืออย่าง พ.ต.อ.กิตติ อริยานนท์รอง ผบก.จร. (รับผิดชอบด้านงานเทคโนโลยี และ บก.02) จากรั้ว นรต.รุ่น 45 เคยปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ บช.สันติบาล แล้วมาเป็น รอง ผบก.จร.เข้าปีที่ 3 แล้ว เขาเปรียบเสมือน ขงเบ้ง ของ บก.จร.ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบโครงการฯ แน่นอนว่าเมื่อมีโครงการเกี่ยวกับการจราจร ย่อมเป็นที่สนใจของประชาชนในเมืองหลวง
พ.ต.อ.กิตติกล่าวว่า ระบบตรวจจับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร เดิมทีมีมาตั้งแต่ปี 2552 แต่ระบบค่อนข้างเก่าและมีปัญหาจากการก่อสร้างสาธารณูปโภค การตรวจจับจึงไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร บก.จร.ได้สั่งการให้ตนมาปัดฝุ่นนำโครงการฯเข้ามาสู่ระบบ ปรับปรุงจุดติดตั้งใหม่จากเดิม 23 จุดเพิ่มอีก 7 จุดรวมทั้งหมด 30 จุดทั่วกรุงเทพฯใส่เทคโนโลยีเข้าไปโดยเฉพาะ กล้องระบบ 4 k หรือ 12 ล้านพิกเซล สามารถตรวจจับรถได้ทุกประเภทในบางจุดเติมระบบ อินฟาเรดเพื่อตรวจจับในเวลากลางคืน รวมถึงเพิ่ม สปอร์ตไลท์ ให้ความสว่างเข้าไปอีก จากการพิจารณาผลการตรวจพบว่า กลางคืนมีรถฝ่าฝืนถึง 30 เปอร์เซ็นต์ กลางวัน 70 เปอร์เซ็นต์ ในส่วนของ 30 เปอร์เซ็นต์จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เนื่องจากกลางคืนรถใช้ความเร็วสูงและทัศนวิสัยไม่ดี ทางเจ้าหน้าที่จำเป็นจะต้องบังคับใช้ในเวลากลางคืนด้วย
รอง ผบก.จร.กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้มีผู้ฝ่าฝืนเฉลี่ยวันละ 948 รายต่อวันทั้ง 30 จุด ตั้งแต่มีโครงการฯวันแรกลดลงเหลือ 868 ราย วันที่ 2 เหลือ 751 ราย และคาดว่าในวันต่อๆ ไปตัวเลขจะลดลงตาม ส่วนอุบัติเหตุขณะนี้ตนยังไม่ได้รับรายงาน ซึ่งจุดที่น่าเป็นห่วงมีการฝ่าฝืนมากที่สุดคือ แยกรัชดา-พระราม 4 รองลงมา แยกนรินทร ขาออก และ แยกตากสินแต่ตอนนี้ แยกอโศก-เพชรบุรี กำลังจะแซงขึ้นมาแล้ว
การทำงานจะเป็นระบบตรวจจับอัตโนมัติ โดยขึ้นตรงกับฐานข้อมูลของ กรมการขนส่งทางบก ดำเนินการตรวจสอบได้แบบ เรียลไทม์เป็นข้อมูลที่อัพเดทจะรู้รถที่กระทำผิดทันที เมื่อดำเนินการเรียบร้อยก็จะส่งข้อมูลไปทาง ธ.กรุงไทยชำระค่าปรับได้ทั่วประเทศผ่านระบบ PTMใบสั่งจะออกภายใน 7 วันหลังจากพบการกระทำความผิด ประกอบด้วย ทะเบียน ยี่ห้อ รุ่น และ สี เป็นเรื่องยากที่จะปฏิเสธข้อหา
“หากไม่ตรงอย่างใดอย่างหนึ่งเราจะคัดออกมา เพื่อดำเนินการส่งหนังสือแจ้งไปถึงเจ้าของรถว่า รถคุณมีปัญหาขอให้ส่งหลังฐานต่างๆ หรือเข้ามาพบกับเจ้าหน้าที่ เพื่อเคลียร์ตรงนี้ออกจากระบบ และแจ้งให้รับทราบด้วยว่า รถที่สวมทะเบียนจะมีความผิดด้วย กรณีที่ไม่ยอมชำระค่าปรับให้เวลา 60 วัน ถ้ายังดื้อดึงเรื่องจะถูกส่งไปกรมขนส่งจะมีผลตอนต่อภาษี”
รองกิตติ บอกด้วยว่า หากไม่มีผู้ฝ่าฝืนสามารถลดอุบัติเหตุลงได้ และการจราจรจะดีขึ้นเพราะไม่เกิดการตัดกระแสกัน เราคาดหวังเรื่องอุบัติเหตุส่วนการจราจรเป็นเรื่องรอง ต่อไปเราจะรณรงค์ให้รถยนต์หยุดหลัง จยย.ส่วน จยย.ให้จอดในช่องที่จัดทำไว้ ตอนนี้ได้ประสานกับ กทม.เพื่อตีช่องจราจรเป็นการเฉพาะ ซึ่งมีบ้างแล้วในหลายจุดของกรุงเทพฯ ดูเป็นระเบียบคนข้ามทางม้าลายก็สะดวกปลอดภัย
ในอนาคตจะเพิ่มกล้องให้ครอบคลุมมากกว่านี้ แล้วใช้เทคโนโลยีแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร โดยนำตำรวจจราจรไปใช้ในภารกิจอื่นๆ เช่น การอำนวยการจราจร การตรวจตรา การจับกุมความผิดซึ่งหน้า เป็นการประหยัดอัตรากำลังพลไปด้วย ที่สำคัญเพื่อลดปัญหาการโต้เถียง ลดการใช้ดุลยพินิจของตำรวจ หรือข้อพิพาทระหว่างตำรวจกับประชาชน ประชาชนก็ไม่ต้องเกลียดตำรวจเพราะเจอแต่กล้อง
“เรากำลังพัฒนาระบบทั้งการตรวจจับ การแจ้งเหตุ การรายงานสภาพการจราจรผ่านแอปพลิเคชัน M-Help Me ตำรวจจราจรถ้ายังทำแบบเดิมก็ได้แบบเดิมเราต้องคิดแบบใหม่ ที่ผ่านมายังแก้ปัญหาไม่เป็นระบบเท่านั้นเอง ถ้าทุกอย่างเป็นระบบมีความชัดเจนขึ้น ก็เหมือนต่างประเทศแทบจะไม่ใช้ตำรวจ การจราจรถูกควบคุมด้วยเทคโนโลยี ถ้าทำได้ผมว่ากรุงเทพฯจะเป็นเมืองที่น่าอยู่มากขึ้น”
