รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันพุธที่ 4 กันยายน 2562 ตอน ปมถวายสัตย์ประชุม “ไม่ลับ” พลิกคดีแก้เกม “ฝ่ายค้าน”
การเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ในประเด็นเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณของคณะรัฐมนตรี ได้กำหนดวันเปิดศึกสงครามน้ำลายแล้ว คือเป็นวันที่18 ก. ย. ให้เวลาก็หนึ่งวัน หรือ 1 วันครึ่ง ไม่เกินจากนี้แน่
แม้ 7 พรรคฝ่ายค้าน จะบ่นไม่พอใจ ได้เวลาน้อยไปหน่อย แต่ดูแล้วรัฐบาลน่าจะไม่ให้เกินกว่านี้ เพราะว่ากันตามเนื้อผ้า สาระก็อยู่แค่ว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะชี้แจงอย่างไร
ในประเด็นที่คนสงสัยว่า ทำไมถึงกล่าวคำถวายสัตย์ไม่ครบ
หาก “บิ๊กตู่” ตอบก็น่าจะจบได้ ว่าเหตุผลเป็นอย่างไร ส่วนฝ่ายค้านจะเชื่อหรือไม่ นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะปัญหาทั้งหลายทั้งปวง มันอยู่แค่ว่า ทำไมและทำไมไม่กล่าวให้ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญเขียนไว้เท่านั้น
แต่สุดท้ายแล้ว ต่อให้ “บิ๊กตู่” ชี้แจงแถลงไขอย่างไร ฝ่ายค้านก็ไม่ยอมจบ ด่านสุดท้ายที่จะคลี่คลายเรื่องนี้ไปได้คือ ศาลรัฐธรรมนูญ ปล่อยให้ศาลรัฐธรรมนูญทำหน้าที่ เพราะมีคนไปร้องไว้แล้ว ถ้าวินิจฉัยลงมาอย่างไร ก็ถือเป็นที่สุด และมีผลทางกฎหมาย
แท้จริงแล้ว คงจะพูดได้ว่า การเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ของฝ่ายค้าน ก็ไม่ได้มุ่งหวังจะเอาคำตอบจาก “บิ๊กตู่” เพราะก็พอจะรู้เหตุผลกันมาบ้างแล้วว่า ทำไมถึงไม่อยากบอก
แต่ฝ่ายค้านแค่อยากจะหาเรื่อง “ยำ” และหาทางเปิดแผลต่อยอดไล่รัฐบาล
กับอีกเจตนาหนึ่งคือ ต้องการดิสเครดิต หรือเรียกง่ายๆ เป็นการเปิดเวทีหลอกด่า เพราะนี่เป็นเวทีที่สามารถหาเรื่องตีหัวหมาด่าแม่เจ็ก ได้อย่างชอบธรรม ในขณะที่ “บิ๊กตู่” ก็เถียงได้ไม่เต็มปากคำ
สำหรับเวลาอภิปราย ธงแรก เลยจัดให้แค่ 1 วัน เพื่อประเมินสถานการณ์ หากซ้ำซากจำเจก็พอ แต่หากมีประเด็นยืดเยื้อ ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร น่าจะทดเวลาบาดเจ็บให้ แต่คงไม่มาก
ส่วนเรื่องการประชุมลับ โอกาสที่จะเกิดขึ้นมีน้อย ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีมีข้อเสนอนี้มาเหมือนกัน เพราะเกรงว่า จะเลยเถิดควบคุมกันไม่อยู่ พูดไปพูดมาอาจจะกระทบความรู้สึกประชาชนได้
มีคนเป็นห่วงกันมากในประเด็นนี้ โดยเฉพาะทัศนคติพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกมองว่า เป็นพวกจ้องแต่จะล้มล้างของเก่า
ซึ่งหลายคนมีประวัติ หรือความเห็นไม่ค่อยดีต่อสิ่งที่ประชาชนคนไทยรักและหวงแหน ดังนั้นการอภิปรายอาจจะพูดจาเลยเถิด เลยอาจจะต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ด้วยการประชุมลับ
โดยเป็นเหตุผลเรื่องความมั่นคง ซึ่งเคยปฏิบัติกันมา และกำหนดเอาไว้ในข้อบังคับการประชุมสภาเก่า และรัฐธรรมนูญในมาตรา 127
แต่ประเมินแล้ว ต่อให้ประชุมลับก็ไม่น่าจะเก็บความลับกันได้ เนื่องจากหน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง อย่างไรพวกส. ส. ก็น่าจะคาบข่าวเอามาบอกภายนอก โดยเฉพาะประเด็นที่“บิ๊กตู่” พูดว่าอะไร เผลอๆ จะบิดเบือนจนคนเข้าใจผิดกันไปใหญ่
คิดอีกในแง่มุมหนึ่ง การประชุมเปิดเผยยังทำให้ 7 พรรคฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคอนาคตใหม่ต้องระมัดระวังตัวเองมากกว่าว่า จะพูดจะจาอะไร ระวังคดีจะพลิก ตัวเองจะกลายเป็นผู้ร้ายแทน
ถ้าเป็นอย่างว่า จากประเด็นการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบของรัฐบาล จะกลายเป็นฝ่ายค้านถูกตั้งคำถามเรื่องเจตนา และทัศนคติไปทันที
แต่ถ้ารัฐบาลจะประชุมแบบเปิดเผย ก็ต้องมั่นใจด้วยว่า คำตอบ หรือคำชี้แจงของ “บิ๊กตู่” จะมีอะไรคืบหน้ามากไปกว่าที่แล้วๆ มา เพราะไม่อย่างนั้นจะเปิดให้ฝ่ายค้านเปิดแผลซ้ำๆ ขย้ำรอยเดิมไปเรื่อยๆ จนโรคแทรกซ้อนได้
ซึ่งก็พอประเมินได้ว่า “บิ๊กตู่” จะตอบแบบหลักการ ไม่ลงลึกรายละเอียดอะไรมากเท่าไร ตามคิวที่แพลมไต๋ให้ฟัง พูดอะไรต้องระมัดระวัง เพราะเรื่องอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญแล้ว
คาดการณ์ได้ว่า คำตอบ “บิ๊กตู่” น่าจะเป็นแบบกว้างๆ และถูกผิดก็โยนไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเอา ซึ่งเหตุผลก็คือ คำที่ได้ชี้แจงต่อศาลไป นอกสคริปต์ไม่ได้ เพราะจะมีผลต่อการพิจารณาของศาลไปอีก
เรียกได้ว่า ยอมเจ็บตัวให้ฝ่ายค้านเล่นเอาล่อเอาเถิด แล้วไปหวังพึ่งศาลรัฐธรรมนูญดีกว่า อย่างน้อยวันข้างหน้าประเด็นนี้ก็จบได้
เพราะฝ่ายค้านเองก็ทำอะไรได้ไม่มากกว่านี้ นอกจากขยายแผลตอกย้ำให้เห็นว่า “บิ๊กตู่” ทำไม่ถูกต้อง
หรือถ้าโชคดีกว่านั้น ไทม์ไลน์ 18 กันยายน อาจจะเป็นช่วงที่ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเสร็จไปแล้ว และนำคำวินิจฉัยของศาล มาชี้แจงต่อที่ประชุมสภา