MGR online - แม่ร้องผบ.ตร.ไขความจริง เหตุลูกชายเสียชีวิตในเรือนจำธัญบุรี เชื่อถูกทำร้ายจนเสียชีวิต หลังทำหนังสือไปถึงกรมราชทัณฑ์ทสภ.ที่เกิดเหตุ แต่เงียบ ล่าสุดผู้การเมืองปทุมฯตั้งคณะทำงานสำนวนสอบสวนคดีชันสูตรพลิกศพแล้ว
วันนี้(3 ก.ย.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นางนอม กัณหาบุตร มารดาของนายฉัตรชัย กัณหาบุตร อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาในคดีพยายามฆ่าผู้อื่น พกพาอาวุธมีด บุกรุก ทำร้ายร่างกาย และทำให้เสียทรัพย์ ที่เสียชีวิตขณะถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำอำเภอธัญบุรี พร้อมทนายความเดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เพื่อขอให้มีคำสั่งให้ตำรวจ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ส่งคลิปและภาพนิ่ง จากกล้องวงจรปิดขณะส่งตัวผู้ตายไปศาลจังหวัดธัญบุรีให้กับมารดาของผู้เสียชีวิต และให้ สภ.ธัญบุรี หมายเรียกคลิปและภาพนิ่ง จากกล้องวงจรปิดในคืนวันที่ 20 ส.ค. 2562 ต่อเนื่องถึงวันที่ 21 ส.ค. 2562 ว่ามีใครทำร้ายนายฉัตรชัย จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต และกล้องวงจรปิดในวันที่ 25 ส.ค. 2562 ณ ห้องพยาบาล และกล้องวงจรปิดขณะนำตัวนายฉัตรชัย ออกจากเรือนจำ มอบให้แก่มารดาของผู้เสียชีวิต และหนังสือใบชันสูตรศพ เพื่อหาหลักฐานว่าใครเป็นคนทำร้ายให้นายฉัตรชัย จนเสียชีวิต โดยมี พ.ต.อ.วิชัย ศรีศีลศิริกุล รอง ผบก.กช. ในฐานะนายตำรวจเวรอำนวยการ เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ
นางนอม เปิดเผยว่า วันนี้เดินทางมายื่นหนังสือถึง ผบ.ตร. เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับลูกชาย ซึ่งหลังจากลูกชาย เสียชีวิต ตนได้ให้ทนายความทำหนังสือไปถึงกรมราชทัณฑ์, สภ.ธัญบุรี, แล สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เพื่อขอภาพกล้องวงจรปิด ก่อนเกิดเหตุและวันที่ลูกชายเสียชีวิต แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ ทั้งนี้ผลชันสูตรการตายจากแพทย์ระบุว่า มีเลือดออกในสมอง จากการถูกเอาศีรษะเคาะที่ผนังหลายครั้ง ทำให้เคลือบแคลงใจว่าผู้ตายอาจถูกทำร้ายร่างกายหลังจากเข้าไปอยู่ในเรือนจำ อย่างไรก็ตามในวันพรุ่งนี้ (4 ก.ย.) เวลาประมาณ 09.30 น. ตนจะเดินทางไปร้องขอความเป็นธรรมที่กรมราชทัณฑ์ต่อไป
" วันที่ลูกชายอยู่ที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ยังเดิน และเขียนหนังสือได้ปกติ รวมถึงมีบาดแผลแค่บริเวณศีรษะเท่านั้น แต่เมื่อตนไปรับศพพบว่าลูกชายมีรอยฟกช้ำทั่วร่างกาย จึงคาดว่าลูกชายจะถูกทำร้ายตอนที่อยู่ในเรือนจำ"นางนอมกล่าว
สำหรับกรณีดังกล่าวเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ที่ผ่านมา เวลา 20.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมนายฉัตรชัย ฐานก่อเหตุทำร้ายร่างกาย โดยใช้อาวุธมีดฟันเข้าบริเวณศีรษะ หน้าอก และกลางหลังของนายปรีชา มุ่งเงิน อายุ 50 ปี และยังวิ่งเข้าไปทำร้ายประชาชน รวมถึงทำลายทรัพย์สินในบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุอีกด้วย โดยนายฉัตรชัยอยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง จึงทำให้ชาวบ้านต้องเข้าล้อมจับและทำร้าย นายฉัตรชัย เพื่อให้ควบคุมตัวไว้ได้ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าควบคุมตัวนายฉัตรชัย ซึ่งนายฉัตรชัย ก็ได้รับว่าตนได้ใช้อาวุธมีดทำร้ายนายปรีชา ให้ได้รับบาดเจ็บจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี และนำตัวเข้าควบคุมต่อยังเรือนจำธัญบุรี ก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่าขณะนี้ได้รับรายงานจาก ผกก.สภ.ธัญบุรี ว่า เมื่อวันที่ 25 ส.ค.62 เวลาประมาณ 10.20 น. ได้รับแจ้งจาก จนท.เรือนจำธัญบุรี ว่า ผู้เสียชีวิต ตามหมายขังครั้งที่ 1 ได้มีอาการป่วยหมดสติ มีน้ำมูกน้ำลายออกจมูกและปาก จึงได้นำตัวส่งรักษาที่ รพ.ธัญบุรี และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา พนักงานสอบสวน พร้อมด้วย แพทย์นิติเวช, พนักงานอัยการ, เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันชันสูตรพลิกศพและทำบันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุ พร้อมส่งศพไปชันสูตรหาสาเหตุการตายโดยละเอียดที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รพ.ธรรมศาสตร์ ในขณะนี้อยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิต
อีกทั้งพนักงานสอบสวนจะทำสำนวนชันสูตรพลิกศพผู้ต้องหา กรณีที่ตายในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ ซึ่งการชันสูตรพลิกศพการเสียชีวิตในระหว่างควบคุมของเจ้าหน้าที่นั้น พนักงานสอบสวนได้ร่วมกับพนักงานอัยการ พนักงานฝ่ายปกครอง ในท้องที่ เป็นผู้ร่วมชันสูตรพลิกศพ ตามระเบียบและกฎหมายที่กำหนดแล้ว ส่วนระยะเวลาในการทำสำนวนชันสูตรพลิกศพนั้น พนักงานอัยการร่วมกับพนักงานสอบสวน ทำสำนวนชันสูตรพลิกศพให้เสร็จภายใน 90 วัน และขณะนี้ได้ทำหนังสือขออนุญาตเข้าดูภาพและถอดภาพจากกล้องวงจรปิดภายในห้องคุมขังและจุดที่เกี่ยวข้อง
รอง โฆษก ตร. กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ ภ.จว.ปทุมธานี ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมีระดับ รอง ผบก.เป็นหัวหน้าคณะ เพื่อทำสำนวนสอบสวนคดีชันสูตรพลิกศพ ตามกรอบระยะเวลาของกฎหมาย และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย สามารถตอบคำถามสังคมได้ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้แสวงหาข้อเท็จจริง สนับสนุนหาข้อมูลพยานหลักฐานที่มีความเกี่ยวข้องในคดีดังกล่าวในทุกมิติแก่พนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการบูรณาการสืบสวนสอบสวนอย่างเป็นระบบ มีความน่าเชื่อถือ อีกทั้ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับให้พนักงานสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานในการทำสำนวนชันสูตรพลิกศพในระหว่างควบคุมของเจ้าหน้าที่ ด้วยความรอบคอบ สอบสวนให้สิ้นกระแสความในทุกประเด็น