MGR online - กองปราบตามรวบรวบยกแก๊งสิบแปดมงกุฎ ผู้ต้องหา 3 ราย หลอกตุ๋นลงทุนซื้อขายที่ดิน ก่อเหตุโชกโชน ในหลายพื้นที่กว่า 10 หมายจับ มูลค่าความเสียหายกว่า 40 ล้านบาท เข้าข่ายฟอกเงิน
วันนี้ ( 23 ส.ค. ) ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เมื่อเวลา 13.00 น. พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.5 บก.ป.พ.ต.ท.อนุชา ศรีสำโรง รอง ผกก.5 บก.ป.พ.ต.ต.ฐิติวัสส์ แซมเขียว สว.กก.5 บก.ป.พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.5 บก.ป. ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นางภัทราพัฒน์ หรือกุ้ง รุ่งเรืองโรจน์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 141 /1 ม. 8 ต.จอมบึง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ 460/2560 ลงวันที่ 20 กรกฎาคม 2560 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง” นางวัฒนา วิทยรัตน์ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 787/31 ถ.โชคชัย - เดชอุดม ต.นางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ตามหมายจับศาลแขวงจังหวัดสุรินทร์ ที่จ.25/2562 ลงวันที่ 29 พฤษภาคม 2562 ข้อหา“ร่วมกันฉ้อโกง” น.ส.ปัทมาวดี หรือผอม ฤทธิ์มาก อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21 ม.6 ต.แก้วแสน อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช ตามหมายจับศาลแขวงจังหวัดสุรินทร์ ที่จ.24/2562 ลงวันที่ 29 พฤษภาคม 2562 ข้อหา“ร่วมกันฉ้อโกง” หลังจับกุมตัวทั้ง 3 คนได้ที่ ลานจอดรถรีสอร์ทแห่งหนึ่ง พื้นที่ ม.7 ต.กระตีบ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
พ.ต.อ.เนติ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อประมาณกลางปี 2558 ถึงปีปลาย2559 นางภัทราพัฒน์ พร้อมกับพวกรวม 4 คน ได้ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหาย 2 คน ว่ามีนายทุนต่างชาติต้องการซื้อที่ดินในพื้นที่ อ.ชะอำ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จำนวนหลายร้อยไร่ โดยอ้างว่าหากผู้เสียหายทั้ง 2 คน ติดต่อหาที่ดินมาได้จะได้ส่วนแบ่งเป็นค่านายหน้า 3 เปอร์เซนต์ของราคาขายที่ดิน คิดเป็นเงินหลายล้านบาท ต่อมาเมื่อผู้เสียหายจัดหาที่ดินให้ได้แล้ว นางภัทราพัฒน์ ก็ได้ออกอุบายหลอกเอาเงินจากผู้เสียหายทั้ง 2 คน โดยอ้างว่าให้ผู้เสียหายทั้ง 2 คนช่วยจ่ายค่ารางวัดที่ดินและค่าดำเนินการซื้อขาย รวมเป็นเงิน 17 ล้านบาท แต่เมื่อผู้เสียหายโอนเงินค่าดำเนินการให้จนครบ กลับไม่สามารถติดต่อกับ นางภัทราพัฒน์และพวกได้ จึงรู้ตัวว่าถูกหลอกก่อนนำเอกสารหลักฐานต่างๆเข้าแจ้งความกับทาง กก.5 บก.ป. ก่อนที่ต่อมา 2 ใน 4 ผู้ร่วมก่อเหตุจะติดต่อขอเข้ามอบตัวกับตำรวจกองปราบ คงเหลือ นางภัทราพัฒน์ และนายองกรณ์ ตั้งเอี่ยมขจร ที่ยังหลบหนี
พ.ต.อ.เนติ กล่าวว่า นอกจากนี้จากการสืบสวนยังพบว่า นางภัทราพัฒน์ หลังจากก่อคดีดังกล่าว ยังได้ร่วมกับน.ส.ปัทมาวดี และนางวัฒนา ก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวกับผู้เสียหายรายหนึ่งซึ่งเป็นข้าราชการครูในพื้นที่ จ.สุรินทร์ ได้เงินไปกว่า 3.3 ล้านบาท จนกระทั่งมีการออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 3 คน และทั้งหมดกำลังอยู่ระหว่างการหลบหนี กระทั่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 คนนี้ได้กบดานซ่อนตัวอยู่ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม จึงนำกำลังเข้าจับกุมตัวทั้งหมดได้ดังกล่าว อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาทั้ง 3 คน พบว่า นางภัทราพัฒน์ มีหมายจับในคดีร่วมกันฉ้อโกงลักษณะดังกล่าวติดตัวในหลายพื้นที่รวม 7 หมายจับ นางวัฒนา มีหมายจับคดีร่วมกันฉ้อโกงลักษณะเดียวกันติดตัว 3 หมายจับ และ น.ส.ปัทมาวดี มีหมายจับในคดีร่วมกันฉ้อโกง 1 หมายจับ ซึ่งจากแนวทางการสืบสวนพบว่าทั้งหมดเคยร่วมกันก่อเหตุมาแล้วหลายคดีได้เงินจากผู้เสียหายเคสอื่นๆรวมกันมากกว่า 40 ล้านบาท
พ.ต.อ.เนติ กล่าวว่า จากการสอบสวน นางภัทราพัฒน์ ให้การรับสารภาพ ส่วน นางวัฒนา และ น.ส.ปัทมาวดี นั้นยังคงให้การปฏิเสธ เบื้องต้นจึงแจ้งข้อกล่าวตามหมายจับก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป. พร้อมกับส่งเรื่องประสานไปยัง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินขยายผลไปยังผู้ร่วมขบวนการรายอื่นๆ พร้อมกับเตรียมดำเนินคดีกับผู้ต้องทั้งหมดเพิ่มเติมในข้อหา ฟอกเงิน และติดตามยึดทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด เนื่องจากพฤติการณ์ของผู้ต้องหากลุ่มนี้เข้าข่ายความผิดในลักษณะร่วมกันฉ้อโกงเป็นปกติธุระ