MGR Online - “ผบก.ตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904” นำเครื่องผลิตออกซิเจนเคลื่อนที่สำหรับผู้ป่วยอนาถา 15 เครื่อง และเครื่องดูดเสมหะคนไข้ 1 เครื่อง มอบให้เจ้าหน้าที่ รพ.ราชวิถี นำไปใช้ดูแลผู้ป่วย จากการจำหน่ายแก้วเก็บความเย็นในโครงการ “แก้วใจ เราทำความดีด้วยหัวใจ”
วันนี้ (16 ส.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข อาคารสอาด ถนนพญาไท แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม. พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บังคับการตํารวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 เดินทางนำเครื่องผลิตออกซิเจนเคลื่อนที่สำหรับผู้ป่วยอนาถา 15 เครื่อง และเครื่องดูดเสมหะคนไข้ 1 เครื่อง มามอบให้แก่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลราชวิถี เพื่อนำไปใช้ดูแลผู้ป่วยที่เข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลดังกล่าว ตามกิจกรรม “แก้วใจ เราทำความดีด้วยหัวใจ”
พล.ต.ต.ต่อศักดิ์เปิดเผยว่า ตนมีโอกาสได้ไปเยี่ยมผู้ป่วยอนาถาที่โรงพยาบาลราชวิถี เห็นผู้ป่วยนอนติดเตียง สวมเครื่องออกซิเจนช่วยหายใจ ไม่สามารถกลับไปบ้านได้เพราะที่บ้านไม่มีเครื่อง จำเป็นต้องนอนที่โรงพยาบาล บางเตียงมีเครื่องช่วยแบบเคลื่อนที่ได้ แต่ต้องสลับใช้กับเตียงข้างๆ บางคนต้องรอคิวเช่าเครื่องช่วยหายใจจากบริษัทเพื่อนำไปใช้ที่บ้าน ถ้าได้เครื่องก็สามารถกลับบ้านได้ พยาบาลบอกตนว่าเครื่องช่วยหายใจดังกล่าวนี้บริษัทขายเครื่องละ 35,000 บาท ถ้าหากมีเครื่องทางโรงพยาบาลก็สามารถให้คนไข้ทำเรื่องยืมใช้ และสามารถนำกลับไปไช้ที่บ้านเป็นการยืม เมื่อคนไข้อาการดีขึ้นก็นำมาคืนโรงพยาบาล เป็นการแบ่งเบาภาระและสามารถเปิดเตียงให้ว่าง เพื่อผู้ป่วยรายอื่นที่รอคิวเตียงในการเข้ามารักษา นี่คือจุดเริ่มต้นของความคิด “แก้วใจ เราทำความดีด้วยหัวใจ”
พล.ต.ต.ต่อศักดิ์กล่าวว่า สำหรับเงินทุนการซื้อเครื่องช่วยหายใจนี้ ตนได้ซื้อแก้วเก็บความเย็นจากคนรู้จักที่นำเข้าสินค้าเพียงเพื่อช่วยเขาเพราะถูกคนโกงค่าสินค้า โดยสั่งมาประมาณ 2,000 ใบจะเอามาจำหน่ายในร้านกาแฟของภรรยา แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้นึกถึงเครื่องช่วยหายใจ เลยปรึกษากับลูกน้องว่าทำไมเราไม่ขายเอากำไรน้อยแต่สามารถขายได้เร็วและกำไรที่ได้ไปซื้อเครื่องช่วยหายใจให้แก่ผู้ป่วยที่ขาดโอกาสในการที่จะได้กลับบ้าน และยังเป็นการเปิดโอกาสให้กับผู้ป่วยรายอื่นที่รอคิวเตียงของ รพ.เพื่อเข้ารับการรักษา แนวคิดเรื่อง “แก้วใจ” จึงเกิดขึ้นในเฟซบุ๊กของตน
“เมื่อติดต่อไปยังบริษัทผู้นำเข้าเครื่องช่วยหายใจ คิดราคา 24,000 บาท ถูกกว่าเดิม เราสามารถซื้อเครื่องได้ถึง 6-7 เครื่อง เราสามารถให้ผู้ป่วย 6-7 รายได้กลับบ้าน และสามารถทำให้ผู้ที่รอคิวการรักษาได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอีก 6-7 คน สิ่งนี้มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เมื่อเราคิดบวก สิ่งดีๆ จะเกิดกับสังคมคนรอบข้าง อีกไม่นานเราก็ต้องจากโลกไปแล้ว อะไรที่เราจะทิ้งไว้ให้คนที่ยังอยู่ ได้เป็นพลังสำคัญของแผ่นดินต่อไป ขอบคุณทุกๆ ท่านที่ได้ส่งต่อลมหายใจแห่งชีวิตให้กับคนไข้เหล่านั้น ท่านได้ให้ชีวิตแก่พวกเขา และท่านได้ให้ความสุขแก่ครอบครัวของพวกเขาเหล่านั้น กราบขอบพระคุณจากใจครับ” พล.ต.ต.ต่อศักดิ์กล่าวทิ้งท้าย
