MGR Online - บช.ก. และสำนักพุทธฯ นำตัว “หลวงตาแม็ก-พระอาจารย์ละ” ร่วมปลุกเสกกุมารทอง ตุ๊กตาลูกเทพ สำนักอาจารย์แจ๊ว เหนือดวง ลาดหลุมแก้ว กระทำผิดวินัยสงฆ์ จับสึกฐานเข้าข่ายหลอกลวงประชาชน ปลุกเสกเครื่องรางของขลังอวดอ้างไสยศาสตร์มนต์ดำ
วันนี้ (15 ส.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. สั่งการ พล.ต.ต.ชัช สุกแก้วณรงค์ ผบก.ทล. และ พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบก.ทล. พ.ต.ท.รัชภูมิ กุสุมาลย์ สวญ.ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล. พ.ต.ต.อภิชน ขันกา สว.ส.ทล.2 กก.1 บก.ทล. พ.ต.ต.นโรตน์ ยุวบูรณ์ สว.ส.ทล.1 กก.3 บก.ทล. นำกำลังเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีสำนักข่าวแห่งหนึ่งนำเสนอข่าวซึ่งมีภาพวิดีโอพร้อมเนื้อหา ระบุว่า สำนักอาจารย์แจ๊ว เหนือดวง ตั้งอยู่เลขที่ 188/3 หมู่ 1 ต.คูขวาง อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี จัดพิธีวัตถุมงคลหลากหลายชนิดได้แก่ ตุ๊กตาลูกเทพ กุมารทองเรียกทรัพย์ กุมารพรายเศรษฐี กุมารพรายเรียกทรัพย์ ล็อกเกตเศรษฐีหน้าทอง เทพราตรี เทพจำแลงภมร และตะกรุดเหนือดวงหรือตะกรุดพระพุทธเจ้าเหนือดวง พร้อมอวดอ้างสรรพคุณว่าผู้ที่บูชาตะกรุดนี้จะเป็นคนเหนือดวง เป็นคนมีเสน่ห์เมตตามหานิยม เจริญลาภ ยศสรรเสริญ และมีชื่อเสียงหอมขจรขจาย ทำมาค้าขึ้น ไม่มีวันจน ประสบความสำเร็จทุกด้าน ชีวิตครอบครัวมีความสุขตลอดไป ใครคิดร้ายต่อผู้สักรายนี้ เพียงแค่คิดชีวิตของเขาก็จะแย่ลงตกต่ำลง หรือคิดจะแข่งขันไม่มีวันจะชนะได้ ผู้บูชาต้องหมั่นทำบุญ รักษาศีล สวดมนต์ไหว้พระ มีความกตัญญูรู้คุณแล้วชีวิตจะมีแต่ความเจริญ จากดวงที่ตกถึงขั้นวิกฤตก็จะกลับมาร้ายกลายเป็นดีได้ โดยพิธีดังกล่าวมีพระเกจิและอาจารย์สายพระเวทชื่อดังร่วมพิธี
ต่อมาชุดสืบสวนจึงประสานข้อมูลเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงก็พบว่าเป็นไปตามที่เสนอข่าว อีกทั้งพบว่าพิธีดังกล่าวมีหลวงตาแม็ก วัดป่าภูยา จ.หนองบัวลำภู และพระอาจารย์ละ วัดสร้อยสุวรรณ จ.กำแพงเพชร เป็นการกระทำผิดวินัยสงฆ์ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบที่วัดป่าพิกุลทอง จ.หนองบัวลำภู ก็พบหลวงตาแม็ก หรือนายจำเริญ แสงดี อายุ 56 ปี เจ้าอาวาสวัดป่าภูยา อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู อยู่ที่วัดดังกล่าว นอกจากนี้ ได้เดินทางไปที่วัดบ่อสามแสน ต.หนองปลิง อ.เมืองฯ จ.กำแพงเพชร พบพระอาจารย์ละ หรือนายวีระภัทร มาทำมา อายุ 41 ปี เจ้าอาวาสวัดสร้อยสุวรรณ ต.นาบ่อคำ อ.เมืองฯ จ.กำแพงเพชร และเป็นเจ้าคณะตำบลนาบ่อดิน เขต 2 เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามประกาศของทางมหาเถรสมาคม เรื่องห้ามภิกษุ สามเณร เรียกเงินค่าเวทมนตร์ และห้ามทดลองของขลัง พ.ศ. 2495 โดยประกาศดังกล่าวระบุว่า “ด้วยปรากฏว่า มีภิกษุบางรูปเห็นแก่อามิสมุ่งลาภสักการะ ตั้งตนเป็นอาจารย์ปลุกเสกลงเลขยันต์ที่ศีรษะบ้าง หน้าผากบ้าง สอนเวทมนตร์เพื่อแคล้วคลาดศาสตราวุธบ้าง โดยเรียกเงินจากผู้มาขอให้ปลุกเสกบ้าง เป็นการผิดสมณวิสัยจัดเข้าในอาชีววิบัติมีโทษทางพระวินัย เสื่อมความเชื่อ ความเลื่อมใสของพระพุทธศาสนิกชน ไม่ใช่ข้อปฏิบัติทางพระพุทธศาสนา ตรงข้ามกลับเป็นที่ตำหนิของสาธุชน เพราะไม่ทนต่อการพิสูจน์ เป็นช่องทางให้พาลชนช่วยโฆษณาชวนให้คนหลงเชื่อ เพื่อทำทุจริตโดยแอบอ้างยึดเอาเป็นอาชีพอันมิชอบ เป็นความเสื่อมเสียแก่คณะสงฆ์และพระศาสนา”
นอกจากนี้ยังมีประกาศห้ามไม่ให้ภิกษุเป็นหมอเสน่ห์ยาแฝดอาถรรพณ์ ของสมเด็จพระสังฆราชเจ้า พ.ศ. 2476 ระบุว่า “ถ้าภิกษุรูปใดประพฤติล่วงละเมิดเมื่อพิจารณาได้ความจริง ให้เจ้าอาวาสหรือเจ้าคณะในท้องที่ที่เกิดอธิกรณ์ลงโทษให้สึกเสีย แล้วรายงานตามลำดับ จึงได้ทำการสึกพระทั้งสองรูปทันที
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประชาสัมพันธ์ฝากเตือนไปยังสำนักต่างๆ ที่ทำการปลุกเสกเครื่องรางของขลังอวดอ้างไสยศาสตร์มนต์ดำ โฆษณาสรรพคุณเกินจริง สร้างความเชื่อที่ไม่ถูกต้องให้ประชาชน อันเข้าข่ายเป็นการหลอกลวงประชาชน หรือนิมนต์พระสงฆ์มาเข้าร่วมพิธีกรรมเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของเครื่องรางของขลังนั้นเพื่อให้จำหน่ายได้มากขึ้น พระสงฆ์ที่ได้กระทำดังกล่าวถือว่าผิดวินัยสงฆ์มีบทลงโทษให้สึกจากการเป็นพระ ขอให้เลิกพฤติกรรมดังกล่าว และขอให้ประชาชนอย่าได้หลงเชื่อซื้อมาบูชา เนื่องจากอาจจะถูกหลอกลวงและได้รับความเสียหายตามมาได้