xs
xsm
sm
md
lg

ศาลให้ถอนอุทธรณ์คดี “เณรคำลวงโลก” ให้คำพิพากษาเป็นไปตามศาลชั้นต้น จำคุก 114 ปี ติดจริง 20 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - ศาลอนุญาตให้ถอนอุทธรณ์คดี “เณรคำ” ฉ้อโกงเงินบริจาคของประชาชน อ้างนิมิตพบพระอินทร์ขอระดมบริจาคสร้างพระแก้วมรกต แต่นำไปใช้ส่วนตัว ซื้อรถหรู-เครื่องบิน โดยให้คำพิพากษาเป็นไปตามศาลชั้นต้นที่สั่งจำคุก 114 ปี รับโทษจริงสูงสุด 20 ปี

เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (4 ก.ค.) ที่ห้องพิจารณา 701 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่ง กรณีจำเลยขอถอนอุทธรณ์ ในคดีหมายเลขดำที่ อ.2341/2560 ที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวิรพล สุขผล อายุ 39 ปี หรืออดีตพระวิรพล ฉัตติโก หรืออดีตหลวงปู่เณรคำ อดีตประธานสงฆ์สำนักสงฆ์วัดป่าขันติธรรม อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ที่สหรัฐอเมริกาส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนมาได้เมื่อปี 2560 เป็นจำเลยในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343, พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 5 (1) (2), 60

คำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 - 27 มิถุนายน 2556 ต่อเนื่องกัน จำเลยอาศัยความเป็นพระภิกษุ ในฐานะประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ และความศรัทธาของประชาชน ได้บังอาจหลอกลวงว่า จำเลยนิมิต (ฝัน) พบองค์อินทร์ขอให้สร้างพระแก้วมรกตองค์ใหญ่ที่สุดในโลก และสร้างมหาวิหารครอบองค์พระ โดยใช้หยกเขียวแท้จากประเทศอิตาลี, สร้างเครื่องทรงพระแก้ว 3 ฤดูด้วยทองคำแท้, ก่อสร้าง เสาวิหารแก้ว 199 ต้น ต้นละ 3 แสนบาท, รูปหล่อพระทองคำ (รูปเหมือนจำเลย) ก่อสร้าง วิหารสำหรับประชาชนที่วัดป่าขันติธรรม สาขา 1 จ.อุบลราชธานี, สร้างวัดที่ จ.สุพรรณบุรี รวมทั้งการจัดซื้อเรือจากสหรัฐ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยจำเลยประกาศชักชวนให้ประชาชน นำเงิน ทองคำ และทรัพย์สินมาบริจาคกับจำเลย ที่วัดป่าฯ โดยจัด ตู้บริจาค 8 ตู้

นอกจากนี้ จำเลยยังได้ใช้เว็บไซต์และเผยแพร่ข้อความ อันเป็นเท็จเกี่ยวกับการจัดสร้างสิ่งต่างๆ จนมีผู้เสียหาย 29 ราย (เฉพาะที่มาร้องทุกข์) หลงเชื่อว่าจำเลยเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เข้าร่วมบริจาคเงินและทรัพย์สินต่างๆ จำนวนทั้งสิ้น 28,649,553 บาท แล้วจำเลยโอนเงิน 1,130,000 บาท ที่ได้จากการฉ้อโกงไปซื้อรถยนต์โดยทุจริต ทั้งที่ความจริงแล้วจำเลยมิได้ก่อสร้างใดๆ เลย เหตุเกิดที่ จ.ศรีสะเกษ, อุบลราชธานี เชียงใหม่ และที่อื่นเกี่ยวพันกัน ชั้นพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธ

คดีนี้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษา เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2561 ว่า จำเลยได้นำข้อความเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ในเว็บไซต์หลวงปู่เณรคำ มีการใช้ชื่อเว็บไซต์ตรงกันกับชื่อจำเลย มีข่าวสารของจำเลยและวัดเป็นหลัก ใจความว่า จำเลยนิมิตพบพระอินทร์ ให้สร้างพระแก้วมรกตองค์ใหญ่ที่สุดในโลก แต่เมื่อตรวจพิสูจน์แล้วพบว่า การสร้างองค์พระใช้หินอ่อนหินปูนในการก่อสร้าง ไม่ใช่หินหยกจากอิตาลีตามที่จำเลยกล่าวอ้าง โดยไม่มีหลักฐานปฏิเสธว่าจำเลยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

ส่วนผู้เสียหายยืนยันว่า สาเหตุที่ร่วมทำบุญบริจาคกับจำเลย เพราะมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา เชื่อว่าจำเลยเป็นผู้ปฏิบัติดี มีปาฏิหาริย์ เป็นพระอรหันต์ โดยไม่คิดว่าจะถูกหลอก โดยการบริจาคมีทั้งมอบให้จำเลยโดยตรง โอนเงินผ่านบัญชี หรือหยอดตู้บริจาค ต่อมาพบว่าจำเลยนำเงินไปใช้จ่าย ซื้อเครื่องบินส่วนตัว รถยนต์หรู อาทิ ปอร์เช่ บีเอ็มดับเบิลยู โตโยต้าคัมรี่ และรถตู้หลายสิบคัน บางคันมีมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท โดยรถระบุชื่อจำเลยเป็นเจ้าของ มีหลักฐานการเคลื่อนไหวบัญชีเงินฝาก 23 บัญชี ภายหลังศาลแพ่งได้พิพากษาให้ยึดทรัพย์สินจำนวน 43,478,992 บาท ซึ่งจำเลยไม่สามารถนำสืบให้เห็นได้ว่าที่มาของทรัพย์สินนั้นมาจากไหนอย่างไร

การกระทำของจำเลยจึงเป็นการอ้างเท็จเพื่อให้ได้ทรัพย์สินจากบุคคลและผู้เสียหาย ซึ่งเป็นพุทธศาสนิกชน และภายหลังจำเลยได้นำเงินบริจาคไปใช้จ่ายเกินความจำเป็นกับความเป็นสงฆ์ ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ในการทำบุญ อ้างเป็นทรัพย์สินส่วนตัวมิได้ เข้าข่ายแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ

พิพากษาว่า จำเลยกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 รวม 29 กระทง กระทงละ 3 ปี รวม 87 ปี, พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) เป็นเวลา 3 ปี และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 5 (1) (2) ,60 รวม 12 กระทง กระทงละ 2 ปี เป็นเวลา 24 ปี รวมจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 114 ปี แต่ตามกฎหมายเมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว จำคุกได้สูงสุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (2) เป็นจำคุก 20 ปี พร้อมชดใช้เงินให้ผู้เสียหายตามความเป็นจริง 29 ราย จำเลยยื่นอุทธรณ์ แต่ได้ขอถอนอุทธรณ์ในเวลาต่อมา

โดยในวันนี้ศาลเบิกตัวอดีตพระเณรคำ ซึ่งถูกคุมขังจากเรือนจำเพื่อมาศาล ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วอนุญาตให้จำเลยถอนอุทธรณ์และให้คำพิพากษาเป็นไปตามศาลชั้นต้น



กำลังโหลดความคิดเห็น