xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลึกปมลับ : เปิดปม ส.ส.ถือหุ้นสื่อ ผลสะเทือนเร่งยุบสภาฯ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม ผู้จัดการ 360 วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม 2562 ตอน เปิดปม ส.ส.ถือหุ้นสื่อ ผลสะเทือนเร่งยุบสภาฯ



ปมปัญหาเรื่องสมาชิกรัฐสภา ทั้ง ส.ส.และ ส.ว. ถือครองหุ้นสื่อ ก่อนลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.และก่อนถูกเสนอชื่อเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกวุฒิสภา ที่ขณะนี้มีการยื่นคำร้องกันนัวเนีย ทั้งส.ส.รัฐบาลและฝ่ายค้าน รวมถึงสมาชิกวุฒิสภา

กลายเป็นเรื่องที่มีเดิมพันการเมืองสูงอย่างยิ่ง ทั้งกับตัวคนที่ถูกร้อง และต่อพรรคการเมืองต้นสังกัด รวมถึงเสถียรภาพรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

โดยกรณี ของส.ส. ที่เวลานี้ ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง  32 ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลไปแล้ว ผลที่จะเกิดกับส่วนตัวนับว่ามีความเสี่ยงสูงมาก ที่จะทำให้พลิกผันชีวิตกันไปเลย

เพราะหากส.ส.คนไหน ไม่รอด โดนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ครอบครองหุ้นกิจการสื่อมวลชน ก่อนลงสมัครรับเลือกตั้ง อันเป็นเรื่องต้องห้ามตาม รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มาตรา 98 (3) และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 42 (3) กำหนดห้ามมิให้ผู้สมัคร ส.ส. "เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ"

หากสุดท้าย ศาลวินิจฉัยชี้ว่าส.ส.คนใดมีเจตนาฝ่าฝืน ก็จะมีความผิดตาม พ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 42 (3) ที่ระบุว่าต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 20 ปี

ทั้งนี้ หากส.ส.คนใดไม่รอด โดนศาลรัฐธรรมนูญสอยร่วง ในส่วนของโทษจำคุก จะเป็นเรื่องที่ทางสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จะต้องรับไปดำเนินการต่อไป ในการยื่นเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง โดยยึดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเป็นแนวทาง

ที่คดีต้องไปศาลฎีกา เพราะศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยแค่เรื่อง ขาดคุณสมบัติการลงเลือกตั้ง ต้องพ้นสภาพการเป็นส.ส.หรือไม่เท่านั้น

แต่ก็คาดว่า เรื่องนี้คงไม่ถึงกับนำไปสู่การลงโทษจำคุกอะไร เพราะไม่ใช่เรื่องความผิดอาญาร้ายแรง อย่างมากก็อาจแค่รอลงอาญา ที่ต้องรอดูกันต่อไป

แต่เรื่องเฉพาะหน้าที่ต้องจับตามองกันก็คือ การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะหากใครไม่รอด ก็ถือว่าจบชีวิตการเมืองได้เลย เพราะไม่ใช่แค่ต้องเว้นวรรคกันห้าปีเท่านั้น

 แต่เหตุเพราะกรณีถือหุ้นสื่อดังกล่าวก่อนลงเลือกตั้ง โทษฉกรรจ์ถึงขั้นลงเลือกตั้งไม่ได้เป็นเวลา 20 ปี เรียกได้ว่าคนไหนผิด ก็ประกาศวางมือการเมืองได้เลย

 ดังนั้นคดีหุ้นสื่อ ที่รอการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนุญ จึงเป็น จังหวะลุ้นระทึก ของคนที่มีชื่อโดนสั่งให้ยื่นคำชี้แจง ที่หากแจงไม่เคลียร์ ก็รอรูดม่านชีวิตการเมืองได้เลย

 สำหรับปมปัญหาหุ้นสื่อ ในมุมเสถียรภาพการเมืองของฝ่ายรัฐบาล ก็อย่างที่รู้กัน รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ เป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ เสถียรภาพง่อนแง่น ลำพังแค่จะประคองรัฐนาวา ที่มีเสียงส.ส.เกินกึ่งหนึ่งมาแค่สามเสียง ก็เหนื่อยแล้ว

แต่ยังไม่ทันไร ต้องเผชิญปัญหา เรื่องส.ส.รัฐบาลทั้งในพรรคพลังประชาชน ที่ร้อนระอุจากผลพวงความไม่พอใจของกลุ่มก๊วนการเมืองต่างๆในพลังประชารัฐ ในเรื่องแย่งชามข้าว เก้าอี้รัฐมนตรี ขณะนี้ออกมาไล่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค แล้ว หลังตั้งรัฐบาลเสร็จคงจะมันส์กว่านี้แน่

อีกเรื่องหนึ่ง ก็ต้องมาปวดหัวอีกกับการเจอเรื่องหุ้นสื่อ ที่ส.ส.รัฐบาล ที่ถูกส.ส.อนาคตใหม่ยื่นคำร้อง แม้จะรอดไปได้  9 คน..แต่ก็ติดบ่วงอยู่ถึง 32  คน

ส.ส.รัฐบาลที่เป็นปาร์ตี้ลิสต์ที่ต้องไปสู้คดีในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ มีด้วยกัน 13 ชื่อ พวกนี้หากไม่รอด ก็พ้นจากการเป็นส.ส.ไป แต่ก็สามารถดันชื่อที่อยู่ในลำดับถัดๆ ของแต่ละพรรคการเมือง ขึ้นมาแทนที่ได้  

ตรงนี้ ฝ่ายพรรครัฐบาลอาจไม่ค่อยกังวลในแง่เสถียรภาพรัฐบาล แต่ที่จะมีปัญหาก็คือ พวกส.ส.เขตที่มีชื่อ ใน  32.ชื่อดังกล่าว  ที่พบว่ามีส.ส.เขตมากถึง 24  คน และเป็นของพลังประชารัฐมากสุด 18 ราย

 เพราะหากไม่รอดทั้งหมด หรือโดนแค่บางคน ก็ทำให้เสียงส.ส.รัฐบาลหายไปจากห้องประชุมสภาฯ แม้ตามกฎหมายจะให้นับจากจำนวนส.ส.ที่มีอยู่ แต่ก็ทำให้เสียงรัฐบาลหายไป ที่มีน้อยอยู่แล้ว ยิ่งเหลือน้อยลงไปอีก

หากสถานการณ์ไปถึงจุดนั้น คาดว่ารัฐบาลจะชะลอการเสนอกนอกฎหมายสำคัญๆ เข้าสภาฯเอาไว้ทั้งหมด เพื่อไม่ให้กฎหมายของรัฐบาลถูกคว่ำ

ซึ่งสถานการณ์คงเป็นแบบนี้ไปสักระยะ เพราะกว่าจะเลือกตั้งซ่อม –รับรองผลการเลือกตั้ง ก็กินเวลาร่วมๆ เดือนกว่าถึงสองเดือน การคุมเกมในสภาฯ ของรัฐบาล ต้องใช้สารพัดแท็กติก เพื่อประคองให้ผ่านไปให้ได้

ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่า  หากต้องมีการเลือกตั้งซ่อม มันไม่แน่นอน ส.ส.ซีกรัฐบาลอาจจะชนะการเลือกตั้ง เพราะอาจแพ้ก็ได้ หากกระแสพรรค กระแสรัฐบาลในพื้นที่ไม่ดี  แต่ถ้าพลาดไปแพ้ให้กับฝ่ายค้าน สถานการณ์รัฐบาล ยิ่งหนักขึ้นไปอีก

เท่ากับ ฝ่ายรัฐบาล เสียหายทั้งไปและกลับ คือ ส.ส.รัฐบาลที่มีน้อยอยู่แล้ว เสียงหายไปไม่พอ  แถมไปทำให้ฝ่ายค้านได้ส.ส.ในสภาฯ เพิ่มขึ้น จนอาจทำให้เสียงส.ส.ฝ่ายค้านเกินกว่า 250  เสียงหรือเกินกึ่งหนึ่ง

ทำให้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จนกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยในสภาฯ ไปทันที แบบนี้ โอกาสยุบสภาฯ เร็ว เกิดขึ้นแน่นอน


กำลังโหลดความคิดเห็น