รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม ผู้จัดการ 360 วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม 2562 ตอน สูตร 3 ขย่มบิ๊กตู่ พิษสงจากพรรคร่วม
วันนี้มาพูดเรื่อง การกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีรอบสองของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งมีพรรคพลังประชารัฐเป็นฐานรองรับและแกนนำตั้งรัฐบาล ดูแล้วโอกาสค่อนข้างราบรื่น ไม่มีเหลี่ยมไหนจะมาขวางบิ๊กตู่ได้
ถึงแม้ไม่ได้เสียงส. ส. ถึงครึ่งคือ250 เสียง ก็ไม่ใช่ปัญหา เก้าอี้นายกรัฐมนตรีก็ไม่หนีไปไหนเพราะมีวุฒิสมาชิกอีก250 คน คอยเป็นกองหนุน พร้อมดันก้นขึ้นนั่งอยู่แล้ว ขอให้มีเสียงส. ส. แค่126 เสียง ฝันของพลเอก ประยุทธ์ก็เป็นจริงได้ในบัดดล
แต่ทะเลย่อมมีคลื่นลม คน..ไหนเลยจะไร้อุปสรรค การคัมแบ๊คเป็นนายกรัฐมนตรีของบิ๊กตู่ ก็เช่นกันก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หากแต่จะต้องมีเรื่องเขย่าขวัญ มีราคาที่ต้องจ่าย จะต้องแบ่งสรรปันส่วนผลประโยชน์ ให้ลงตัว จะกินรวบเหมือนเดิมคงไม่ได้แล้ว
ขณะนี้เป็นช่วงเข้าด้วยเข้าเข็ม ก่อนจะร่วมหอลงโรงก็มีรายการเดินเกมต่อรองจากพรรคร่วมทั้งหลาย
จึงไม่แปลกที่มีข่าวว่า มีการตั้งขั้วที่ 3 ขึ้นมาแข่งกับพรรคเพื่อไทย และพรรคประชารัฐ พร้อมกับขู่ว่าจะยกเก้าอี้นายกรัฐมนตรีให้ เสี่ยหนู อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
ว่ากันว่า ที่มาของข่าวสูตรที่สาม มีที่มาจากเบื้องหลังการเจรจาแผนจัดตั้งรัฐบาลที่ผ่านมาไม่ลงล็อก โดยมีปัญหาที่ค่ายท็อปบูต ยังกอดกระทรวงเกรดเอแน่น ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย ของดีเหล่านี้ไม่ให้ใครแตะ ยอมเกลี่ยแต่พวก กระทรวงเกรดบี ไปให้พรรคร่วมรัฐบาล
ทำให้เกิดอาการอึดอัดใจเสียความรู้สึก เสมือนพรรคร่วมทั้งหลาย เป็นแค่ไม้ประดับ ทั้งที่ความเป็นจริงพรรคพลังประชารัฐ มีแค่ 115 ที่นั่ง ขาดอีกเกือบ 200 เสียงถึงจะได้เป็นรัฐบาล
ถ้าขาดพรรคร่วมกลุ่มนี้ เป็นรัฐบาลได้ก็อยู่ในความไม่ปลอดภัย อยู่ได้ประเดี๋ยวประด๋าว เพราะมันดันมีสูตรที่ 3 จ่อคอหอยรอเสียบอยู่
ทางเลือกที่3 หรือสูตรที่3 เป็นการจับขั้วกันระหว่าง พรรคอนาคตใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา หันไปแตะมือกับทุกพรรคที่เหลือ ยกเว้นพรรคพลังประชารัฐ เสียงจะเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร
ซึ่งจะประมาทไม่ได้ ยิ่งหากมีการชูคนของพรรคประชาธิปัตย์ หรือจากพรรคภูมิใจไทยเป็นนายกฯ โดยไม่เอาพวกตัวแรงๆ ประเภทสายล่อฟ้าขึ้นแท่น ไม่ว่าจะเป็นธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หรืออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ น่าจะมีคนไม่น้อยที่รับได้
ก็สามารถพูดโดยไม่อ้อมค้อมว่า สูตรนี้เป็นเหลี่ยมคูทางการเมืองอันแยบยล ส่งออกมาเพื่อต่อรองแบ่งเค้กก้อนโต ให้กลุ่มตัวเองได้รับผลประโยชน์มากที่สุด โดยเฉพาะสายบุรีรัมย์ ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวการเมืองมา รู้ว่า ต้องเดินเกม เล่นตัวอย่างไร
หนนี้ พรรคภูมิใจไทยก็ไม่ได้หมายตาจะคว้าพุงมากินทั้งหมด เพราะสถานการณ์วันนี้ตัวเองไม่ได้สำคัญที่สุดยังมีพรรคอื่นๆ ที่เป็นตัวแปร เลยขอแค่ให้ “บิ๊กตู่” ยอมคลายกระทรวงเกรดเอแบ่งชาวบ้านบ้าง
แต่คนเดียวยังหนักแน่นไม่พอ กดดันได้ไม่มากต้องปล่อยข่าวต่อสาย “ลูกท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคประชาธิปัตย์ ช่วยส่งเสียงให้ฝั่งอำนาจได้รู้สึกว่า มีคนไม่พอใจเยอะ ระวังรัฐบาลจะเป็นหมัน
แล้วมันก็ได้ผล หลังการเจรจา ฝ่ายอยากเป็นรัฐบาลต้องยอมถอย คลายกระทรวงสำคัญออกมาทีละนิด แต่จะเป็นที่พอใจหรือไม่ ยังไม่ชัวร์
ตามคิวที่ว่า กระทรวงคมนาคม กับกระทรวงมหาดไทย “บิ๊กตู่” อยากเก็บไว้กับตัว เพื่อเดินหน้าโปรเจกต์รถไฟฟ้าความเร็วสูงต่อ ขณะที่กระทรวงคลองหลอดถือเป็นกลไกลรัฐที่คุมทั่ว 77 จังหวัดประเทศไทย ไม่อยากแบ่งให้ใครเอาไปเชยชม
อีกฝ่ายอยากได้ อีกฝ่ายกอดแน่น มันเลยเกิดสูตรวิน – วิน มีชื่อ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ “เดอะฉิ่ง” ฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มาคั่วเก้าอี้รัฐมนตรี
เพราะ 3 ชื่อนี้ ล้วนแต่เป็นพวกสายป่านยาว จะบอกว่า เป็นคนสนิทของพรรคภูมิใจไทยของ “เนวิน ชิดชอบ” คนดัง กุนซือใหญ่แห่งภูมิใจไทยก็ได้ หรือจะบอกว่า เป็นเด็กของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผู้จัดการรัฐบาลก็ได้ ถ้าสูตรนี้โอเคก็คลายล็อก จบประเด็นที่พรรคภูมิใจไทยต้องการ
ขณะที่กระทรวงคมนาคม ที่ถูกวางเป็นเป้าหมายใหญ่ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นเป้าลวง หากได้กระทรวงมหาดไทยไปแล้ว ก็ต้องยอมถอย เอามหาดไทยไปแล้ว ถือว่า เคลียร์ ยอมรับได้
แต่ปัญหายังไม่สะเด็ดน้ำ เพราะมันก็วนมาอยู่ตรงที่ว่า ถ้ากระทรวงมหาดไทยไม่ใช่ชื่อ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พี่รองแห่งบูรพาพยัคฆ์ต้องไปนั่งตรงไหน ไปคุมกองทัพก็ติดล็อก เพราะที่กระทรวงกลาโหม “บิ๊กป้อม” แบบแบเบอร์ตีตราจองแล้ว
ยกเว้นพี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ จะโบกมือลา ขอทำงานข้างหลังเพื่อไม่เป็นสายล่อฟ้าให้รัฐบาลชุดหน้า
ซึ่งมันก็สอดคล้องกับที่ว่า พรรคตัวแปรทั้งหลายกำลังกดดันให้ “บิ๊กป้อม – บิ๊กป๊อก” ม้วนเสื่อกลับบ้าน
โดยอ้างว่า เพื่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลชุดหน้า แต่ความจริงคือ มันเปลืองโควตาคนอื่น แม้จะเรียกร้องให้หยุดทั้งสองชื่อ แต่ลึกๆ หวังแค่ยอมถอยสักคนก็บรรลุเป้า เพราะไม่ว่าใครไป ส่วนแบ่งรัฐมนตรีว่าการจะหายไปหนึ่ง ได้มาหนึ่ง
ข่าวว่า “บิ๊กป้อม” ยอมถอยเพื่อสุขภาพ แต่ยังเชื่อว่าเป็นแค่ข่าวลือ ต้องรอดูความจริงที่ใกล้เข้ามาแล้ว