xs
xsm
sm
md
lg

บทเรียนแม่ลูก “ศิริวรรณ” คนโกงสุดท้ายตายในคุก!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - คดีทุจริตในแวดวงข้าราชการอันลือลั่น ชี้ชะตากรรมแม่ลูกตระกูล “ศิริวรรณ” อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เดินทางมาถึงฉากสุดท้าย แม้จะยังมีศาลฎีการออยู่ข้างหน้า แต่โอกาสค่อนข้างริบหรี่

ชะตากรรมของแม่ลูกตระกูล “ศิริวรรณ” กลายเป็นบทเรียนสำคัญของข้าราชการไทยที่ทุจริตประพฤติมิชอบอีกครั้งหนึ่ง โดยนางจุฑามาศ ศิริวรรณ อายุ 72 ปี อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ น.ส.จิตติโสภา ศิริวรรณ อายุ 45 ปี บุตรสาว เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดถึง 11 กระทง ประกอบด้วย

เป็นพนักงาน เรียก รับ หรือยอมรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อการกระทำอย่างใดในหน้าที่ ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, เป็นพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหาย หรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ กระทำการใดๆ โดยมุ่งหมายไม่ให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมเพื่อเอื้อแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิตามสัญญาแก่หน่วยของรัฐ และเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 6, 11

และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนรอราคาหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล) พ.ศ. 2542 มาตรา 12 จากกรณีรับเงินตอบแทนสามีภรรยาชาวสหรัฐอเมริกา นักธุรกิจภาพยนตร์ เพื่อให้ได้สิทธิในการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ ปี 2002-2007 (หรือปี พ.ศ. 2545-2550) มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท โดยอัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2558 ที่ผ่านมา ซึ่งจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

แต่ด้วยพยานหลักฐานอันแน่นหนา นางจุฑามาศถูกศาลพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นกระทงละ 6 ปี รวมจำคุก 66 ปี ส่วน น.ส.จิตติโสภา ลูกสาวในฐานะสมคบคิด ลดจากคำพิพากษาศาลชั้นต้นเหลือ 10 กระทงๆ ละ 4 ปี จำคุก 40 ปี

แน่นอนว่าตามรูปการณ์คดีที่มีอัตราโทษสูงอีกทั้งผ่านการพิพากษามาสองศาลแล้วกรมราชทัณฑ์จึงรับตัวไปคุมขังเนื่องจากเกรงว่าจะหลบหนี

เป็นอันว่าคดีทุจริตในแวดวงข้าราชการอันลือลั่นครั้งนี้อาจเดินทางมาถึงฉากสุดท้าย แม้จะยังมีศาลฎีกา รออยู่ข้างหน้า แต่โอกาสค่อนข้างริบหรี่...

คนหนึ่งอายุ 72 ปี ต้องรับโทษหนักเกินกว่าครึ่งทศวรรษ หากเป็นจริงเช่นนั้นคงไม่มีโอกาสกลับออกมาเห็นโลกภายนอกอีก เช่นเดียวกับลูกสาวแม้ขณะนี้อายุจะไม่มากนัก แต่อนาคตที่สดใสเป็นถึงลูกอดีตข้าราชการชั้นสูงคงดับสิ้นหมดไปกับชั่วอายุของเธอ

...ย้อนกลับไปยังโครงการเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ 2002-2007 อันเป็นช่วงการบริหารงานของรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยนางจุฑามาศ ศิริวรรณ ในฐานะผู้ว่าการท่องเที่ยวฯได้มีแนวคิดจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ เพื่อโปรโมตชื่อเสียงและการท่องเที่ยว ทุกอย่างผ่านไปด้วยความเรียบร้อย แต่มีการตั้งข้อสังเกตว่ากลุ่มผู้ดำเนินการทั้งหมดมิใช่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย แต่เป็นนายเจอรัลด์ และนางแพทริเซีย กรีน สามีภรรยาตระกูลกรีน นักธุรกิจสร้างภาพยนตร์ซึ่งถือว่ามีชื่อเสียงและมีอิทธิพลในสหรัฐอเมริกา หากยังนึกไม่ออกว่าตระกูลกรีน มีภาพยนตร์เรื่องอะไรที่ชาวโลกหรือคนไทยรู้จักกันบ้าง น่าจะเป็นเรื่อง “Rescue Dawn” หรือ “แหกนรกสมรภูมิโหด” นำแสดงโดยคริสเตียน เบล รับบทผู้หมวดเทอร์ เด็งเกอร์ นาวิกโยธินนักบินชาวสหรัฐฯ ได้รับมอบหมายภารกิจให้ขับไอพ่นไปทิ้งระเบิดใน สปป.ลาว แต่ถูกสอยตกและถูกจับเป็นเชลย

ความสนิทสนมระหว่างสามีภรรยาตระกูลกรีน กับนางศิริวรรณ เกิดขึ้นในช่วงนี้เพราะรัฐบาลไทยต้องให้การสนับสนุนกองถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศอยู่แล้วจึงไม่เป็นการยากที่จะเสนอตัว และมอบเงินจำนวน 1.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 57.38 ล้านบาท เพื่อเป็นหลักประกันว่าเขาจะได้ลิขสิทธิ์จัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ 2002-2007 และรวมไปถึงการประชาสัมพันธ์ต่างๆ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวไทย

มีการประเมินรายได้ที่นายเจรัลด์ กรีน ได้รับจากงานนี้มากถึง 13 ล้านดอลลาร์ หรือ 414 ล้านบาท และประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพได้ถูกเผยแพร่สร้างชื่อเสียงให้โลกได้รู้จัก แต่กระนั้นวิธีการเข้าสู่การจัดการเพื่อได้ลิขสิทธิ์กลายเป็นขัดข้อกฎหมายหลายอย่าง

กระทั่งเอฟบีไอได้กลิ่นและเข้าสอบสวนหาพยานหลักฐานและส่งมอบให้กับทางการไทยเพื่อดำเนินคดีต่อนางศิริวรรณ และผู้เกี่ยวข้อง ขณะที่นายเจรัลด์ และนางแพทริเซีย กรีน ถูกศาลนครลอสแองเจลิสสั่งปรับ 250,000 ดอลลาร์ หรือ 8 ล้านบาท จำคุก 6 เดือน และกักบริเวณให้อยู่แต่ในบ้านพักอีก 6 เดือน ในความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำทุจริตในต่างประเทศของพลเมืองอเมริกัน

ขณะที่นางศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กับลูกสาวเจอข้อหา 11 กระทง ต้องโทษ 66 ปี และ 44 ปีตามลำดับ หนักหนาแสนสาหัส ... ตอกย้ำให้คนทุจริตดูไว้เป็นตัวอย่าง


กำลังโหลดความคิดเห็น