ตำรวจ สน.สำเหร่ นำหมายจับเข้ารวบผู้ต้องหา นำแหวนเพชรเก๊ไปสับเปลี่ยนของแท้จากร้านขายเพชร ก่อนออกอุบายไปกดเงินแล้วหนีหายเข้ากลีบเมฆ พบประวัติเคยก่อเหตุลักษณะเดียวกันตามร้านเพชรต่างๆ มาแล้ว 7 คดี
วันนี้ (11 เม.ย.) เมื่อเวลา 18.00 น. ที่ สน.สำเหร่ พ.ต.อ.ภัสพงษ์ บุตรไทย ผกก.สน.สำเหร่ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ชโลธร วัฒนะโชติ รอง ผกก.สส.สน.สำเหร่ และ พ.ต.ท.ศศพล บัวหนอง สว.สส.สน.สำเหร่ นำกำลังเข้าจับกุม นายเมธาสิทธิ์ หรือ “อั๋น” อริยะกุล อายุ 39 ปี ตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี เลขที่ 23/2562 ลงวันที่ 18 ม.ค. 62 ข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยจับกุมตัวได้ที่ปากซอยเจริญนคร 47 ถนนเจริญนคร แขวงบางลำพูล่าง เขตคลองสาน กทม.
พ.ต.อ.ภัสพงษ์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อช่วงสายวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา นายเมธาสิทธิ์ ผู้ต้องหารายนี้ ได้สวมหน้ากากป้องกันฝุ่น PM 10 เข้าไปทำทีขอดูแหวนเพชร ซึ่งตัวเรือนเป็นทองคำขาว ราคา 300,000 บาท จากร้านริเวอร์ร่า ไดมอนด์ ภายในห้างริเวอร์ไซด์พลาซ่า ถนนเจริญนคร จากนั้น นายเมธาสิทธิ์ ได้ลักลอบถ่ายภาพแหวนวงดังกล่าวเอาไว้ ก่อนเดินทางกลับ แล้วย้อนมาที่ร้านอีกครั้งในช่วงเย็นวันเดียวกัน คราวนี้ นายเมธาสิทธิ์ ก็ยังคงสวมหน้ากากป้องกันฝุ่นเช่นเดิม และได้ขอเจรจาต่อรองราคาแหวนวงดังกล่าวกับเจ้าของร้าน ตกลงจะซื้อขายกันที่ 260,000 บาท โดย นายเมธาสิทธิ์ ได้วางแผนให้เจ้าของร้านห่อของขวัญให้ แล้วจะเดินไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มมาจ่ายค่าแหวนตามราคาที่ตกลงกันไว้
“แต่ในระหว่างที่เจรจาตกลงซื้อขายแหวนกันอยู่นั้น นายเมธาสิทธิ์ ได้นำแหวนเพชรปลอมซึ่งมีรูปลักษณะเดียวกันกับของจริงที่ตัวเองเล็งไว้ มาสับเปลี่ยนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อ นายเมธาสิทธิ์ อ้างว่าจะเดินไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มนานผิดสังเกต เจ้าของร้านจึงนำแหวนวงดังกล่าวมาพิจารณาดูอย่างละเอียด พบว่า เป็นแหวนเก๊ จึงเดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.สำเหร่ เพื่อประสานฝ่ายสืบสวนติดตามหาเบาะแสเกี่ยวกับตัวผู้ต้องหารายนี้ กระทั่งสามารถออกหมายจับและติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด” พ.ต.อ.ภัสพงษ์ กล่าว
จากการสอบสวน นายเมธาสิทธิ์ ให้การว่า ตนไม่ได้ประกอบอาชีพเป็นหลักแหล่ง ปกติพักอยู่ที่บ้านย่านถนนเจริญกรุง แต่ยอมรับเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับและก่อเหตุนำแหวนเพชรเก๊ไปสับเปลี่ยนที่ร้านดังกล่าวจริง โดยแหวนเพชรเก๊ที่นำไปสับเปลี่ยนนั้น ตนซื้อมาตามตลาดนัดทั่วไปนำมาเก็บไว้ พอเห็นวงจริงที่ร้านก็วางแผนก่อเหตุมาได้จนสำเร็จ หลังก่อเหตุนำแหวนของจริงไปขายให้เพื่อนชื่อ นายบอย (ไม่ทราบชื่อและนามสกุล) ในราคาวงละ 45,000 บาท นำเงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันกระทั่งเงินหมดไปแล้ว
ด้าน พ.ต.ท.ศศพล เปิดเผยว่า ตำรวจไม่เชื่อคำให้การของผู้ต้องหารายนี้แต่อย่างใด เนื่องจากแผนประทุษกรรมมีความซับซ้อน ผู้ต้องหามีความนิ่งและเตรียมการมาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะผลการตรวจสอบข้อมูลหมายจับย้อนหลัง พบว่า ตั้งแต่ปี 2554 เคยก่อเหตุลักษณะเดียวกันตามร้านเพชร ในท้องที่ สน.เตาปูน สน.ลาดพร้าว สน.บางยี่ขัน สน.หลักสอง สน.โคกคราม และ สภ.เมืองนนทบุรี มาแล้ว 6 คดี เคยถูกจับติดคุกต้องโทษอยู่ในเรือนจำเพิ่งได้อิสรภาพออกมา เมื่อเดือน ธ.ค. 61 หลังจากนั้น ก็ไปก่อเหตุในท้องที่ สน.ปทุมวัน เป็นคดีที่ 7 ได้แหวนเพชรมูลค่า 400,000 บาท จำนวน 1 วง กระทั่งมาก่อเหตุในท้องที่ สน.สำเหร่ แล้วถูกตามจับกุมตัวได้เป็นคดีที่ 8 จึงอยากประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสียหายที่เคยถูก นายเมธาสิทธิ์ ก่อเหตุขอให้เดินทางมาอายัดตัวเพิ่มเติมได้ ที่ สน.สำเหร่