xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลึกปมลับ : “จุรินทร์” แต้มเหนือ “กรณ์” แคนดิเดตชิง หัวหน้า ปชป.

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม ผู้จัดการ 360 วันอังคารที่ 9 เมษายน 2562 ตอน “จุรินทร์” แต้มเหนือ “กรณ์” แคนดิเดตชิง หัวหน้า ปชป.



หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขณะนี้เหลือตัวเต็งแค่สองคน คือ ไม่ “กรณ์ จาติกวณิช” ก็ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” ที่จะเข้าวินเป็นหัวหน้าก๊กสีฟ้าต่อจาก “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ที่นั่งแช่มานาน14 ปี แต่โชว์สปิริตลาออกไปตามสัญญา เพราะไม่สามารถทำส. ส. เข้าสภาฯได้100 คนในศึกเลือกตั้งครั้งนี้

การเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ นอกจากมีความสำคัญต่ออนาคตพรรค เพราะต้องมาเป็นแม่ทัพในช่วงที่พรรคอยู่ในช่วงขาลงที่สุด ยังมีผลต่อทิศทางการเมืองไทยต่อจากนี้เป็นอย่างมากด้วย

24 มีนาคม สำหรับการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ทำได้แค่การเป็นอันดับ 4 ต่อจากพรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ และพรรคอนาคตใหม่ แถมได้เก้าอี้ ส.ส.เข้าสภาเพียงครึ่งร้อยเท่านั้น ดังนั้น คนที่จะเข้ามาต้องเป็นคนที่มีศักยภาพสามารถกอบกู้พรรคได้

เพราะต้องยอมรับว่า ตลอดระยะเวลา 10 ปีมานี้ การไม่ยอมเปลี่ยนแปลงพรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พรรคผูกขาดความพ่ายแพ้ในสนามเลือกตั้งมาโดยตลอด

ที่สำคัญ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนต่อไปถือว่ามีความสำคัญ เพราะเข้ามาในช่วงที่บ้านเมืองกำลังล่อแหลม พรรคปชป. ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างเขาควายแหลม ทางหนึ่งคือ พรรคเพื่อไทย ศัตรูคู่รักคู่แค้น กับอีกทางคือ พรรคพลังประชารัฐ ผลผลิตของท็อปบูต

ที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยตกอยู่ในสถานะพรรคไม้ประดับ แต่เป็นผู้นำมาตลอดไม่ว่าจะบทบาทฝ่ายค้าน หรือฝ่ายรัฐบาล การตัดสินเข้าร่วมกับฝ่ายไหนล้วนมีผลกระทบทั้งสิ้น

มวลชนหลักของประชาธิปัตย์คือ กลุ่มคนที่ไม่เอาระบอบทักษิณ การเลือกไปเป็นฝ่ายค้านอิสระ แม้จะไม่ได้ร่วมทำงานกับพรรคเพื่อไทย แต่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้เข้าทาง “ทักษิณ ชินวัตร” ในการชิงคืนอำนาจจากคณะรัฐประหาร

เพราะคะแนนของพรรคพลังประชารัฐ จะไม่เพียงพอต่อการจัดตั้งรัฐบาล

ในทางตรงกันข้าม การเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐในฐานะ “ผู้ตาม” ก็เป็นดาบสองคม คมแรกอาจทำให้พวกเขามีอำนาจรัฐในการเข้าไปฟื้นฟู กอบกู้ พรรคเพื่อกลับมาเป็นพรรคอันดับหนึ่ง หรือสองอีกครั้ง

แต่อีกคมหนึ่ง อาจทำให้พวกเขาสูญพันธุ์จากการเมือง เพราะอยู่ใต้รัศมีของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่สำหรับ “ฝ่ายต้านทักษิณ” จุดขายเดิมของปชป. ก็จะถูกกลบโดนช่วงชิงไป

นี่เป็นจุดที่ยังเป็นความเห็นต่างกันของคนในพรรค และสองชุดความคิดนี้แบ่งสมาชิกที่อยู่คนละปีก ปีกหนึ่ง นำโดย นายชวน หลีกภัย อาจารย์ใหญ่แห่งค่ายสีฟ้า แต่ปีกนี้เสียรังวัดจากการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะอภิสิทธิ์ ตัวแทนของกลุ่มเดินเกมพลาด

ส่วนอีกปีกคือ ปีกสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรค ที่ต้องการให้เข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ โดยใช้ท่าทีของอภิสิทธิ์ ที่ประกาศไม่สนับสนุน “บิ๊กตู่” ช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง โจษขานเป็นสาเหตุของความพินาศในครั้งนี้ กลุ่มนี้ค่อนข้างเดินแรงและเสียงดัง เพราะมีปริมาณ ส.ส.ที่อยู่ในมือมาก

ศึกแย่งชิงผู้นำคนใหม่ของประชาธิปัตย์ จึงเป็นการเดิมพันด้วยอนาคตของพรรคประชาธิปัตย์

พูดถึงแคนดิเดทหัวหน้าพรรค สำหรับ “จุรินทร์” นาทีนี้ค่อนข้างมีน้ำหนัก เพราะเป็น ส.ส.อาวุโส ที่อยู่กับพรรคมานาน มีเหลี่ยมคูการเมืองที่ไม่ธรรมดา เก๋าเกมพอสมควร

ขณะที่ “กรณ์” แม้เป็นสายเดียวกับอภิสิทธิ์ก็จริง แต่มีความยืดหยุ่นกว่า สามารถคุยได้กับทุกสาย ตามคิวที่ก่อนหน้านี้มีกระแสว่า ต่อสายถึง “ถาวร เสนเนียม” ว่าที่ ส.ส.สงขลา สายสุเทพ

ให้ช่วยสนับสนุน และพร้อมจะเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ ถ้าได้เป็นผู้นำ จนสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใหญ่บางคนในพรรค

ข้อเสีย ของแคนดิเดทสูงยาวเข่าดีคนนี้ มีที่ยังเป็นห่วงกันตรงที่แม้ “กรณ์” จะภาพลักษณ์ดี แนวเดียวกับอภิสิทธิ์ แต่ในทางการเมืองถือว่า ยังไม่เจนจัดและไม่เก๋าพอ โอกาสที่จะซ้ำรอยอภิสิทธิ์มีสูง

คิดกันว่า การได้ “กรณ์” เป็นหัวหน้าพรรคอาจไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรนอกจากการเปลี่ยนตัวบุคคลในสายเก่าจาก “อภิสิทธิ์” มาเป็น “เพื่อนรักอ๊อกฟอร์ด” อีกคนเท่านั้น

ดังนั้นแนวทางการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์จะไม่มีอะไรแตกต่างจากเดิม ที่สำคัญ ความเด่นดังไม่เท่าไหร่เมื่อเทียบกับอภิสิทธิ์

สิ่งเดียวที่ “กรณ์” มีตอนนี้คือ สามารถคุยได้ทุกกลุ่มในพรรค รวมถึงพรรคอื่น มีภาพความประนีประนอมมากกว่า “อภิสิทธิ์”

ส่วน “จุรินทร์” ดูจะได้รับการยอมรับจากในพรรคมากกว่า เพราะผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ มีความเป็นเลือดประชาธิปัตย์เต็มตัว ผ่านเก้าอี้สำคัญมาหลายยุคหลายสมัย จุดยืนและการวางตัวค่อนข้างนิ่ง ที่สำคัญ ผู้ใหญ่ในพรรคเองก็ดูจะให้การสนับสนุนมากกว่า "กรณ์"

แนวคิด “จุรินทร์” เอง โน้มเอียงไปทางการเป็น “ฝ่ายค้านอิสระ” ตามแบบฉบับที่ผู้อาวุโสในพรรคและคนรุ่นใหม่อยากให้เป็น แต่ไม่ใช่คนที่แข็งจนยอมอ่อนไม่ได้

ขณะที่ ส.ส.ซีกสุเทพในปัจจุบัน แม้อยากจะร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ จนดูเป็นเส้นขนานกับสิ่งที่ “จุรินทร์” คิด แต่ในความเป็นคนใต้ด้วยกัน พวกเขาสามารถคุยกันได้ง่ายกว่า สมาชิกพรรคคนอื่นที่เป็นสาย ฒ.เฒ่า

ดังนั้น วัดปอนด์ต่อปอนด์ นาทีนี้ “จุรินทร์” ดูเหลื่อมกว่า และเป็นไปได้สูงมากที่จะรับไม้ต่อในช่วงวิกฤติของพรรค และแม้จะดูแข็งไม่อยากร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ แต่ไม่ได้หมายความว่า ปิดประตูตาย


กำลังโหลดความคิดเห็น