xs
xsm
sm
md
lg

“ศรีวราห์” ยันหมายเรียก “ธนาธร” ไร้ใบสั่ง ตร.ทำตามกฎหมายไม่ใช่ลูกกะเป๋งใคร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.)
รอง ผบ.ตร.แจงออกหมายเรียก “ธนาธร” ผิด ม.116 เป็นคดีค้างเก่าปี 58 ที่ล่าช้าเพราะเปลี่ยนหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ลั่นมีหลักฐานดำเนินคดีได้ เพราะเจ้าตัวโพสต์รูปเอง 24 มิ.ย. 58 อยู่ในที่เกิดเหตุ ย้ำไม่มีอะไรแอบแฝง ไม่มีใบสั่ง การเลือกตั้งก็ผ่านไปแล้ว และคงไม่ตัดสินก่อน 9 พ.ค. ย้ำตำรวจไม่ใช่ลูกกะเป๋งใคร ทุกอย่างทำตามกฎหมาย ใครเอาหมายเรียกไปใช้ประโยชน์ทำให้ตำรวจเสียหาย ก็ดำเนินคดีได้

วันนี้ (3 เม.ย.) เมื่อเวลา 17.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ กล่าวถึงกรณีพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ออกหมายเรียก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้มารับทราบข้อกล่าวหายุยงปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบตามกฎหมายอาญามาตรา 116 และข้อหาช่วยเหลือหรือให้ที่พำนักผู้ต้องหา ตามมาตรา 189 โดยให้มาพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 6 เมษายน เวลา 10.00 น. ว่า หมายเรียกดังกล่าวเป็นคดีที่มีการชุมนุมหน้า สน.ปทุมวัน เมื่อปี 2558 ในคดียุยงปลุกปั่น และช่วยเหลือผู้ต้องหา เหตุเกิดเวลา 22.00 น.วันที่ 24 มิถุนายน 2558

รอง ผบ.ตร.กล่าวต่อไปว่า ก่อนหน้านี้ มีการออกหมายเรียก นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธร มาให้ข้อมูลในคดีพาผู้ต้องหาหลบหนี เนื่องจากรถตู้ที่ใช้พากลุ่มผู้ต้องหา มีชื่อมารดาของนายธนาธร เป็นเจ้าของ โดยออกหมายเรียกมาให้ข้อมูลตั้งแต่ปี 2558 แล้ว ตอนนั้นนางสมพรยังส่งทนายมาให้ข้อมูล 1 ครั้ง หลังจากนั้น พนักงานสอบสวนก็ไม่ได้เรียกอีก ดังนั้น การออกหมายเรียกครั้งนี้นายธนาธรไม่น่าต้องตกใจ หรือแปลกใจเพราะทราบอยู่แล้วว่าตัวเองถูกกล่าวหาในเรื่องนี้ ซึ่งหลังจากนี้เมื่อออกหมายเรียกนายธนาธรแล้ว ก็จะต้องออกหมายเรียกมารดามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกครั้งด้วย แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวน

ส่วนที่มีการตั้งคำถามว่าเหตุใดจึงเพิ่งออกหมายเรียก ทั้งที่คดีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2558 พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า คดีนี้มีการออกหมายเรียกดำเนินคดีผู้ต้องหาคนอื่นๆ ไปแล้ว เกิดขึ้นในสมัยที่ตนยังเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เนื่องจากเป็นคดีเกี่ยวกับความมั่นคงจึงตั้งคณะทำงานในรูปคณะพนักงานสอบสวน ชุดแรก มี พล.ต.ต.ทวิชชาติ พละศักดิ์ รอง ผบช.น.ในขณะนั้นเป็นหัวหน้าและเปลี่ยน ผบช.น.เปลี่ยนหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนมา 3 ชุด ล่าสุดปี 2561 พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ก็ตั้งให้ พล.ต.ต.ปรีชา เจริญสหายนนท์ รอง ผบช.น.ในตอนนั้นเป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน แต่ต่อมา พล.ต.ต.ปรีชา โอนย้ายไปสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ทำให้คดีนี้หยุดชะงักไป

รอง ผบ.ตร.กล่าวต่อไปว่า การทำคดีของตำรวจในรูปแบบคณะพนักงานสอบสวน หากหัวหน้าชุดไม่สั่งการ ก็ดำเนินการอะไรไม่ได้ ก็ทำให้คดีนี้ค้างอยู่ แต่ล่าสุดหลังมีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจวาระที่ผ่านมาเมื่อเดือนมีนาคม เปลี่ยนตัว ผกก.สน.ปทุมวันเป็น พ.ต.อ.ธรรมมูญ บุญเรือง ผกก.สน.ปทุมวัน ที่เพิ่งย้ายมารับตำแหน่ง ก็ได้มาตรวจสอบสำนวนคดีในความรับผิดชอบ ก็พบว่ายังมีคดีนี้ตกค้าง ศาลทหารสั่งให้ออกหมายเรียกนายธนาธรและคนที่เกี่ยวข้อง มารับทราบข้อกล่าวหาตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 2558

“เมื่อพิจารณาว่าเป็นเรื่องความมั่นคง จึงได้มาหารือกับผม ผมจึงได้สั่งการให้ทำตามกระบวยการตามกฎหมาย ป.วิอาญา ก็ให้ออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา สั่งไปก่อนวันที่ 29 มีนาคม ที่ผ่านมา และก็สั่งการ พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น.ไปตั้งหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีนี้ขึ้นใหม่แล้ว

“ตำรวจมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะสามารถใช้ดำเนินคดีกับนายธนาธรได้ ยืนยันไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งและไม่ได้ดิสเครดิตใคร ไม่เกี่ยวการเมือง เป็นเรื่องการทำคดีที่ค้างอยู่ตามปกติ ยอมรับที่ล่าช้าเพราะเปลี่ยนหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ไม่มีเรื่องอะไรแอบแฝงเลย ผ่านการลงคะแนนเลือกตั้งไปแล้วและคงไม่ตัดสินคดีก่อนวันที่ 9 พฤษภาคม นี้ แน่นอน และยืนยันไม่ได้มีใบสั่งจากใคร ไม่ได้เป็นลูกกระเป๋งใคร ตำรวจทำงานตรงไปตรงมา ตามกบิลบ้านกบิลเมือง ฝากเตือน อย่าเอาหมายเรียกมาเป็นเครื่องมือในการใช้ประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง หากใครทำตำรวจเสียหาย วิจารณ์โดยไม่รู้ข้อเท็จจริงไปกล่าวหาให้เสียหายก็ดำเนินคดีได้” พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าว

พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า คดีนี้ตำรวจมีพยานหลักฐาน อย่างหนึ่งคือการโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวของนายธนาธร ในวันที่ 24 มิถุนายน ระบุว่าตัวเองอยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นการให้การปรปักษ์ รับว่าตัวเองอยู่ในที่เกิดเหตุ สน.ปทุมวัน รวมทั้งรถที่นำมาใช้ และหลักฐานอื่นๆ ตำรวจมั่นใจว่ามีหลักฐานแต่อยู่ในสำนวน ทั้งนี้หากการสอบสวนสืบสวนพบว่าการกระทำของนายธนาธรในวันนั้น เข้าข่ายความผิดอื่น เช่น ป.อาญา มาตรา 215 ผู้ใดมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองฯ มาตรา 216 เมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมเพื่อกระทำความผิดตามมาตรา 215 ให้เลิกไป ผู้ใดไม่เลิกฯ ถ้าเข้าข่ายก็แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมได้อีก ขึ้นอยู่กับดุลพินิจพนักงานสอบสวน ในวันที่นายธนาธรจะเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาที่ สน.ปทุมวัน ตำรวจไม่ได้เตรียมการอะไรเป็นพิเศษ หากประชาชนจะเดินทางมาให้กำลังใจก็สามารถทำได้ แต่ขออย่าทำผิดกฎหมาย เพราะตำรวจจะบังคับใช้กฎหมายกับผู้ฝ่าฝืนทำผิด

ส่วนกรณี นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกพนักงานสอบสวน บก.ปอท.ออกหมายเรียกนั้น รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า เป็นคนละเรื่อง คนละหน่วยงานรับผิดชอบ คดีของนายปิยบุตร อยู่ในความรับผิดชอบของ บช.ก. ส่วนของนายธนาธรเป็นเรื่องของนครบาล ย้ำว่า การดำเนินคดีตอนนั้นไม่ใช่การไล่เช็กบิลฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล อย่าเอามาโยงกัน คนละเรื่อง ตำรวจทำตามกฎหมาย ใครจะมองว่าตอกลิ่ม หรือสร้างความขัดแย้งอะไรก็แล้วแต่ ตนไม่ทราบ ทราบแต่ว่านี่คือการทำตามกฎหมายและทำคดีที่ค้างอยู่เท่านั้น


กำลังโหลดความคิดเห็น