รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม ผู้จัดการ 360 วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม 2562 ตอน ล้างสต๊อกพวกหน้าเก่า เสี่ยง “บิ๊กตู่”ต่อท่ออำนาจ
ผลเลือกตั้งออกมาพลิกล็อคถล่มทลาย คงจะอธิบายเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากจะบอกว่ามันเหมือนเป็นสัญญาณส่งบอกว่า ต้องการล้างสต๊อกนักการเมืองหน้าเก่าให้หมดไป จึงเป็นเหตุให้พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีอายุเก่าแก่ที่สุด ต้องพบกับความพ่ายแพ้ครั้งแรกที่น่าอับอายที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งพรรคมา73ปี
ที่ได้ ส.ส.ทั่วประเทศไม่ถึง 50 คน และคะแนนรวมของพรรคก็หล่นหายไปมาก โดยเฉพาะเคยเป็นพรรคในดวงใจของคนกรุงเทพ แต่คราวนี้ได้ ส.ส.ใน กทม. แม้แต่คนเดียว คะแนนเสียงที่ออกมา บ่งชี้ว่าคนเมืองหลวงไม่เอาประชาธิปัตย์แล้ว
ส่วนพรรคเพื่อไทยที่เจนจัดกับการสู้ศึกเลือกตั้งพยายามทำทุกอย่างวางกลยุทธ์ทุกด้าน เพื่อหวังชนะเลือกตั้งให้ได้ที่นั่งเฉียด200 คน ก็ยับเยินไปเช่นกัน ทำได้ต่ำกว่าเป้าไปมาก จนรีบออกมาโยนความผิดพลาดว่ามีความไม่ปกติในการเลือกตั้ง ทั้งที่คงลืมไปว่าตัวเองได้ ส.ส.มาเป็นอันดันหนึ่ง
พอๆกับพรรคเก่าอย่างชาติไทยพัฒนา และชาติพัฒนา ล้วนโดนสั่งสอนไปด้วย ผลงานออกมาต่ำกว่าที่หมายปองไว้ไม่น้อยเหมือนกัน สำหรับพรรคภูมิใจไทย ยังพอประคองตัวเองไปได้ตรวจแถวแล้วมีตัวเลข ส.ส.เข้ามาไม่ขาดไม่เกิน
ทางด้านพรรคพลังประชารัฐ ที่มีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ คสช. หนุนหลัง เป็นฝ่ายที่กำชัยชนะไว้ได้อย่างพลิกความคาดหมาย สามารถเอาชนะได้จากเขตเลือกตั้งทั้งประเทศ แทรกซึมทะลายฐานเสียงของพรรคการเมืองทุกพรรคแตกย่อยยับ แล้วเก็บคะแนนเป็นของตนเอง
ชัยชนะของพรรค พปชร. ก็คือชัยชนะของพลเอก ประยุทธ์ และ คสช. จนตั้งแท่นเป็นพรรคแกนนำตั้งรัฐบาลหลังจากนี้แน่ และพลเอก ประยุทธ์ ก็จะคัมแบ็คเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างสบายใจอีกครั้ง
การเลือกตั้งครั้งนี้ ยังนับว่าเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของพรรค อนาคตใหม่ ของนายธราธร จึงรุ่งเรืองกิจ มหาเศรษฐีที่ผันตัวเองมาเล่นการเมือง ลุยเข้าสู่สนามเลือกตั้งเป็นครั้งแรก แต่สามารถทำคะแนนเสียงได้มากมีจำนวน ส.ส.ของพรรคได้เกือบ80 คน
พรรคอนาคตใหม่ กลายเป็นพรรคใหญ่อันดับสาม ทั้งที่เป็นพรรคการเมืองหน้าใหม่ เมื่อมายืนในตำแหน่งนี้ก็จะยิ่งเป็นที่น่ากลัวของฝ่ายอุดมการณ์เก่าในอนาคตอันใกล้
ผลการเลือกตั้งแสดงว่า ประชาชนคนไทยต้องการพลิกโฉมหน้าการเมืองใหม่สักทีในครั้งนี้ โดยไม่เอาการเมืองในฉากเดิมๆที่มีพรรคสองพรรคใหญ่ ผลัดกันกุมอำนาจในรัฐสภา เล่นการเมืองเอาชนะคะคานกันเพื่อหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง แต่ให้คนในสังคมต้องรับกรรม
ผู้คนในสังคมเห็นว่า การเมืองแบบเก่าที่เอาประชาชนเป็นเครื่องมือทางการเมือง ไม่ได้มีความจริงใจสร้างประโยชน์ให้กับส่วนรวมอย่างแท้จริง แสวงหาแต่ประโยชน์โดยเอาประชาชนบังหน้า มีการทุจริตคอรัปชั่นไว้ข้างหลังทุกเรื่องทุกนโยบาย
เสียงสะท้อนของประชาชน ต้องการหยุดวงจรอุบาทว์การเมืองแบบเก่า น้ำเน่า แม้ว่าการเลือกพรรคหน้าใหม่เข้ามา อย่างพลังประชารัฐต้องแลกกับความเสี่ยงกับการสืบทอดอำนาจของพลเอก ประยุทธ์ และกลุ่มคสช. ก็ยอม และเสี่ยงกับแนวคิดสุดขั้วของพรรคอนาคตใหม่ก็ต้องลองดู
อย่างไรก็ตาม การไปใช้สิทธิของประชาชน ก็ผิดจากที่คาดการณ์ไว้มาก จากที่ตั้งไว้ว่าน่าจะมีคนออกมาใช้สิทธิเกินกว่า80 เปอร์เซ็นต์ แต่ไปจริงแค่66เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เป็นเรื่องที่คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือกกต. ต้องหาสาเหตุและรับผิดชอบเพราะใช้งบประมาณไปเยอะเป็นประวัติการณ์ ถึง 5,800 ล้านบาท
เวลาต่อจากนี้ ทิ้งช่วงรอกกต. จะรับรองผล ส.ส.ซึ่งมีกรอบเวลาไปจนถึง วันที่9 พฤษภาคม หลังจากนั้นภายใน15 วันต้องมีรัฐพิธีเปิดรัฐสภา แล้วเลือกประธานรัฐสภา ลำดับต่อไปก็เป็นคิวการเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่ง บิ๊กตู่ พลเอก ประยุทธ์ ตีตราจองไว้แล้ว
นักการเมืองในสภาผู้แทนราษฎรสมัยหน้า จะมี ส.ส.หน้าใหม่ไม่น้อยกว่า ส.ส.หน้าเก่าๆ จะนับเป็นนิมิตหมายอันดีก็คงได้ เป็นที่ฝากความหวังว่าจะเป็นน้ำดีมาล้างน้ำเสีย เข้าแล้วก็ทำหน้าที่ได้ดีกว่าคนเก่าๆ
แต่ที่น่าห่วงก็คือ พวกเหล้าเก่าในขวดใหม่ ที่ตอนนี้ไปรวมตัวกันอยู่กับพรรคพลังประชารัฐจำนวนมาก นับดูแล้วเกือบร้อยคน ซึ่งเป็นพวกนักการเมืองชั้นเซียนเหยียบเมฆทั้งนั้น
การเปลี่ยนพรรคอยู่เปลี่ยนหัวหน้าใหม่ ก็ใช่ว่าพฤติกรรมเก่าของนักการเมืองเหล่านั้นจะเปลี่ยนตามจึงเป็นเรื่องที่ท้าทายพลเอก ประยุทธ์ อย่างยิ่ง ที่จะต้องอยู่ในฐานะ “ฤาษีเลี้ยงลิง” จะรับมือกับนักการเมืองเก่าได้หรือไม่
สำหรับพลเอก ประยุทธ์ การรีเทิร์นมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ได้มาเพราะประชาชนให้โอกาส ที่หวังว่าพลเอกประยุทธ์จะนำบ้านเมืองไปสู่ความสงบสุข และประชาชนอยู่ดีมีสุข ไม่อดยาก เหมือนเช่นวันนี้
ดังนั้นวันเวลาต่อจากนี้ไป พลเอกประยุทธ์ต้องแสดงให้ประชาชนได้เห็นว่า ทำจริงเสียสละจริง ยอมตายเพื่อผืนแผ่นนี้จริงๆ ไม่ใช่ดีแต่พูด