MGR Online - อัยการเผย “เปรมชัย กรรณสูต” บิ๊กอิตาเลียนไทย ครอบครัวและคนใกล้ชิด ยังต้องเผชิญคดีอาญาอีก 3 คดี คือ กรณีติดสินบน ครอบครองงาช้าง 2 คู่ และครอบครองปืนไรเฟิล โดยบางนัดฟังคำพิพากษา บ้างอยู่ระหว่างสืบพยาน
วันนี้ (21 มี.ค.) นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงคดีอาญาอื่นซึ่งได้ดำเนินคดีกับนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หลังจากที่ล่าสุดศาลจังหวัดทองผาภูมิ เพิ่งมีคำพิพากษาจกคุกนายเปรมชัย 16 เดือนโดยไม่รอลงอาญา คดีครอบครองซากไก่ฟ้าหลังเทาสัตว์ป่าคุ้มครอง และสนับสนุนผู้อื่นล่าเสือดำว่า จากที่ได้ตรวจสอบข้อมูลที่อัยการได้ยื่นฟ้องนายเปรมชัยในคดีอื่นๆ อีกนั้นก็มี 3 เรื่อง 1. คดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 7 ยื่นฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูต จำเลยที่ 1 และนายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 ข้อหาร่วมกันให้ ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือประวิงการกระทําอันมิชอบด้วยหน้าที่ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 ประกอบมาตรา 83 (เสนอให้สินบนเจ้าพนักงาน กรณีนายยงค์พูดลักษณะพยายามจะติดสินบนเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ปล่อยตัวนายเปรมชัยและพวก) ซึ่งคดีดังกล่าวศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ได้ดำเนินกระบวนการสืบพยานโจทก์และจำเลยเสร็จสิ้น โดยกำหนดนัดฟังคำพิพากษาคดีติดสินบนเจ้าพนักงาน ในวันที่ 11 มิ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
ส่วนเรื่องที่ 2 คือ คดีครอบครอบงาช้างแอฟริกา 2 คู่ (4 กิ่ง) ไว้ในครอบครองฯ โดยพนักงานอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 ได้ยื่นฟ้องนางคณิตดา กรรณสูตร (อายุ 64 ปี) ภรรยาของนายเปรมชัย จำเลยที่ 1, นายเปรมชัย จำเลยที่ 2, น.ส.วันดี สมภูมิ (แม่บ้าน) อายุ 71 ปี จำเลยที่ 3 ฐานร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (งาช้าง) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันนำหรือพาของที่ยังไม่ได้เสียภาษี ของต้องห้ามซ่อนเร้นเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาหรือรับไว้โดยประการใดๆ ที่รู้ว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร ข้อห้ามฯ (ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และ พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560) ซึ่งคดีนี้ศาลอาญากำหนดนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 8-9 ส.ค.นี้ และสืบพยานจำเลยในวันที่ 13-14 ส.ค.เช่นกัน
และเรื่องที่ 3 ครอบครองอาวุธปืนไรเฟิลโดยไม่ได้รับอนุญาต ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 8 ยื่นฟ้องนายเปรมชัย (มีอาวุธปืนยาวไรเฟิล 3 กระบอก และปืนแก๊ป 1 กระบอกไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตภายในบ้านพักเลขที่ 12/3 ซ.ศูนย์วิจัย 3 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม.) ศาลอาญา กำหนดนัดสืบพยานเริ่มวันที่ 9 ก.ค.นี้
ส่วนกรณีที่มีการตรวจสอบว่า นายเปรมชัยอาจมีบ้านพักและโฉนดกว่า 500 ไร่ ทับซ้อนกับพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติภูเรือ จ.เลย ที่บริษัท ซี.พี.เค.อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทในเครือตระกูลนายเปรมชัยเคยครอบครองเนื้อที่กว่า 6,200 ไร่ ภายหลังถูกเพิกถอนสิทธิเมื่อปี 2546 หรือไม่นั้น รองโฆษกอัยการฯ ระบุว่า จากการตรวจสอบข้อมูลทางคดีไปยังสำนักงานอัยการจังหวัดเลย และอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจและทรัพยากรแล้วยังไม่พบข้อมูลคดีที่มีการส่งสำนวนจากพนักงานสอบสวนมาแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคำพิพากษาคดีล่าเสือดำ อายุ 3-5 ปี น้ำหนัก 30 กก.ที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก เมื่อเดือน ก.พ. 2561 ที่ผ่านมา “ศาลจังหวัดทองผาภูมิ” มีคำพิพากษาลงโทษ “นายเปรมชัย กรรณสูต” อายุ 64 ปี ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) จำเลยที่ 1 ให้จำคุก 3 ข้อหา ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน, ฐานเป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นล่าสัตว์ป่า (เสือดำ) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จำคุก 8 เดือน, ฐานร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (ไก่ฟ้าหลังเทา น้ำหนัก 0.6 กก.) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 2 เดือน รวมจำคุกนายเปรมชัย จำเลยที่ 1 ทั้งสิ้น 16 เดือน โดยให้ยกฟ้อง 2 ข้อหาฐานร่วมกันเก็บของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ)
นายยงค์ โดดเครือ อายุ 66 ปี คนสนิทและคนขับรถของนายเปรมชัย จำเลยที่ 2 โดยจำคุก 3 ข้อหา ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 3 เดือน, ร่วมกันพาอาวุธไปในที่สาธารณะฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน, ร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ และไก่ฟ้าหลังเทา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 4 เดือน รวมจำคุก 13 เดือน โดยยกฟ้อง 2 ข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่า (เสือดำ) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
นางนที เรียมแสน อายุ 44 ปี แม่ครัว จำเลยที่ 3 ลงโทษเพียงข้อหาเดียว ฐานร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำและไก่ฟ้าหลังเทา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 4 เดือน และปรับเป็นเงินอีก 10,000 บาท โดยโทษจำคุกนั้นให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ซึ่งศาลยกฟ้อง 3 ข้อหา ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะฯ โดยไม่มีเหตุสมควร
นายธานี ทุมมาศ หรือพรานแกละ อายุ 57 ปี จำเลยที่ 4 ให้จำคุกข้อหา 6 ข้อหา ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 3 เดือน, ร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำและไก่ฟ้าหลังเทา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 4 เดือน, ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะฯโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน, พยายามล่าสัตว์ (กระรอก) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จำคุก 4 เดือน, ล่าสัตว์ป่า (เสือดำ) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จำคุก 1 ปี และเก็บของป่า (ซากสัตว์) ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำคุก 1 ปี รวมจำคุกทั้งสิ้น 2 ปี 17 เดือน และให้ “นายเปรมชัย” จำเลยที่ 1 และ “นายธานี” (นายพราน) จำเลยที่ 4 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จำนวน 2 ล้านบาท (มูลค่าความเสียหายเสือดำ) พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ. 61 (วันที่เจ้าหน้าที่พบการกระทำผิด) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
โดยคดีนี้ฟ้องของอัยการโจทก์ได้ขอให้นับโทษนายเปรมชัย จำเลยที่ 1 ต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.1143/2561 (คดีครอบครองงาช้างป่าแอฟริกา) และคดีหมายเลขดำที่ อ.1144/2561 (คดีครอบครองปืนไรเฟิล) ในศาลอาญา กับโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท.10/2561 (คดีเสนอสินบนให้เจ้าพนักงาน) ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 และให้นับโทษนายยงค์ โดดเครือ (คนขับรถของนายเปรมชัย) จำเลยที่ 2 ต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท.10/2561 ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ด้วยเช่นกัน และมีคำขอให้ จำเลยที่ 1-4 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้แก่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จำนวน 3,012,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ. 61 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ