xs
xsm
sm
md
lg

ร้องศาลวินิจฉัยสิทธิสมัคร ส.ส.รวม 313 เรื่อง ประเดิมไม่ประกาศชื่อ “จีรเดช ทองย้อย” พรรคประชาชาติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


โฆษกศาลยุติธรรม เผย ร้องศาลฎีกาวินิจฉัยสิทธิสมัคร ส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อ รวม 7 วัน 313 เรื่อง คดีแรกศาลฎีกายืนตาม กกต. ตัดสิทธิไม่ประกาศชื่อ “จีรเดช ทองย้อย” ผู้สมัครโคราช เขต 12 พรรคประชาชาติ ชี้เป็นสมาชิกซ้ำซ้อนกัน 2 พรรค

เมื่อเวลา 19.00 น. วันนี้ (22 ก.พ.) นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยถึงการใช้สิทธิยื่นคำร้องวินิจฉัยสิทธิสมัคร ส.ส.ต่อศาลฎีกา ของผู้ลงสมัคร ส.ส.ทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ ภายหลังที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศไม่รับรองรายชื่อการสมัคร ส.ส. ที่ประกาศตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น ซึ่งวันนี้ครบกำหนดระยะเวลา 7 วันตามที่กฎหมายกำหนดว่า วันนี้มีการรายงานตัวเลขยื่นเข้ามาให้แผนกคดีเลือกตั้งในศาลฎีกาวินิจฉัยเพิ่มเติมเข้ามาอีก 38 เรื่อง

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 16-22 ก.พ.2562 มีผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ ที่ไม่ได้รับรองสิทธิการสมัครตามประกาศ กกต. ยื่นเรื่องมาจากศาลชั้นต้นทั่วประเทศที่ทำหน้าที่รับคำร้องแทนแผนกคดีเลือกตั้งในศาลฎีกาและที่มายื่นเองที่ศาลฎีกา จำนวน 275 เรื่อง ประกอบด้วย แบบแบ่งเขต 244 เรื่อง และแบบบัญชีรายชื่อ 31 เรื่อง โดยเป็นการยื่นเข้ามาในวันที่ 16 ก.พ. จำนวน 7 เรื่อง, วันที่ 17 ก.พ. ยื่น 18 เรื่อง, วันที่ 18 ก.พ. ยื่น 137 เรื่อง, วันที่ 19 ก.พ. ยื่น 24 เรื่อง, วันที่ 20 ก.พ. ยื่น 55 เรื่อง, วันที่ 21 ก.พ. ยื่น 34 เรื่อง ซึ่งรวมทั้ง 7 วันนี้ มีการยื่นคำร้องการไม่ประกาศรับรองสิทธิสมัคร ส.ส.ให้แผนกคดีเลือกตั้งในศาลฎีกาพิจารณาทั้งหมด 313 เรื่อง

ขณะที่องค์คณะแผนกคดีเลือกตั้งในศาลฎีกา ได้มีคำวินิจฉัยไปแล้ว 2 เรื่อง โดยศาลมีคำสั่งให้ยกร้องของผู้ลงสมัคร 2 ราย ส่วนคดีที่เหลือจะทยอยพิจารณาตามวันนัดต่อไป

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง อ่านคำพิพากษาในคดีที่นายจีรเดช ทองย้อย ผู้สมัคร ส.ส.เขต 12 นครราชสีมา พรรคประชาชาติ ยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยคุณสมบัติและคืนสิทธิการเป็นผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา พรรคประชาชาติ กรณีผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งที่ 12 จ.นครราชสีมา ไม่ประกาศชื่อให้เป็นผู้สมัคร โดยศาลยกคำร้อง เนื่องจากข้อเท็จจริงตามคำร้อง คำคัดค้าน และเอกสารประกอบรับฟังได้ว่า นายจีรเดช เป็นสมาชิกพรรคประชาชาติ เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2561 ตามหนังสือรับรองของหัวหน้าพรรคประชาชาติที่ ปช. 2562/0164 แต่ก่อนหน้านั้นนายจีรเดชยอมรับว่าเคยเป็นสมาชิกพรรคเพื่อแผ่นดิน แม้จะอ้างว่าลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อแผ่นดินเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2561 ตามหนังสือขอลาออกฉบับลงวันที่ 6 ธ.ค. 2561 แต่ตามเอกสารผลการตรวจสอบสมาชิกพรรคการเมืองของผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตที่บันทึกเข้าระบบฐานข้อมูลพรรคการเมือง ข้อมูลวันที่ 14 ก.พ. 2562 แนบท้ายคำร้องของนายจีรเดช ซึ่งพรรคเป็นผู้นำข้อมูลดังกล่าวเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลพรรคการเมืองเอง ตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ข้อ 25 ประกอบข้อ 24 (6) ปรากฏว่านายจีรเดชสิ้นสภาพการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อแผ่นดินเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2561 แสดงว่าในระหว่างวันที่ 26 พ.ย.2561 จนถึงวันที่ 6 ธ.ค.2561 นายจีรเดช เป็นสมาชิกพรรคเมืองสองพรรคซ้ำซ้อนกัน อีกทั้งตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 24 กำหนดว่า สมาชิกต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดในข้อบังคับ และมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 9 (1) (3) และ(5) โดยมาตรา 9 บัญญัติว่า บุคคลซึ่งมีอุดมการณ์ทางการเมืองในแนวทางเดียวกัน และมีคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้ จำนวนไม่น้อยกว่า 500 คน อาจร่วมกันดำเนินการจัดตั้งพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ได้ (5) ไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่น บทบัญญัติมาตรา 24 ประกอบมาตรา 9 (5) ดังกล่าวแสดงว่า การเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่นในเวลาเดียวกัน เป็นลักษณะต้องห้ามของการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง

เมื่อกรณีดังกล่าวเกิดขึ้น พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 26 บัญญัติว่า ในกรณีที่ปรากฎต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองว่าบุคคลใดเป็นสมาชิกหลายพรรคการเมืองให้มีหนังสือแจ้งให้หัวหน้าพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องทราบ และลบชื่อผู้นั้นออกจากการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองนั้น การที่บทบัญญัติดังกล่าวให้นายทะเบียนมีหนังสือแจ้งให้หัวหน้าพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องทราบและลบชื่อผู้นั้นออกจากการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองนั้น ไม่ได้บัญญัติให้หนังสือแจ้งเฉพาะหัวหน้าพรรคการเมืองแรก หรือหัวหน้าพรรคการเมืองหลัง และไม่ได้ระบุให้ลบชื่อผู้นั้นออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเฉพาะพรรคการเมืองแรก หรือ พรรคการเมืองหลังเท่านั้น แสดงให้เห็นว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มีเจตนารมณ์ที่จะให้ผู้นั้นพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองที่ซ้ำซ้อนกันทุกพรรค ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงปรากฎว่า ในระหว่างวันที่ 26 พ.ย. 2561 จนถึงวันที่ 6 ธ.ค. 2561 นายจีรเดช เป็นสมาชิกพรรคประชาชาติและพรรคเพื่อแผ่นดิน นายจีรเดช จึงไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียงพรรคการเมืองเดียวเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วัน นับถึงวันเลือกตั้ง ขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้สมัคร ส.ส. ตามรฐธรรมนูญมาตรา 97 (3) และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ. 2561 มาตรา 41 (3) ดังนั้น ที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตฯ ไม่ประกาศรายชื่อนายจีรเดชเป็นผู้สมัคร ส.ส.เขต 12 นครราชสีมา จึงชอบแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น