MGR online - บก.ปอศ. แถลงรวบแก๊งเหยื่อ Forex หลอกลงทุนเก็งอัตราแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศ ผ่านเว็บไซต์
วันนี้ (7 ก.พ.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงจับกุม นายพิตตินันท์ หรือ จิมมี่ มีธง อายุ 38 ปี กรรมการบริษัท มาร์เก็ตเทียร์ เซอร์วิส จำกัด นายธนัตถ์ หรือ โค้ชเยียม บารภัทรนันท์ อายุ 47 ปี ผู้ชักชวนลงทุน นายพิเชษฐ์ หรือ พัชรนันท์ หรือ โค้ชโป้ โรจนเสถียร อายุ 54 ปี ผู้ชักชวนลงทุน ข้อหาร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน พร้อมของกลางรถเก๋งหรู 6 คัน โฉนดที่ดิน 4 ใบ พระเครื่องพร้อมประกาศนียบัตรการันตีของแท้จำนวนหนึ่ง และทรัพย์สินอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนกว่า 100 คน ตกเป็นเหยื่อกลุ่มมิจฉาชีพ หลอกลวงนำเงินมาลงทุนแลกเปลี่ยนค่าเงินตราต่างประเทศ (Forex) ผ่านเว็บไซต์ www.marketeerfx.com การันตีผลตอบแทนสูง จึงได้สืบสวนทราบว่า มิจฉาชีพกลุ่มนี้ คือ บริษัท มาร์เก็ตเทียร์ เซอร์วิส จำกัด มี นายพิตตินันท์ เป็นกรรมการบริษัท ส่วน นายพิเชษฐ์ นายธนัตถ์ ร่วมกันชักชวนหาผู้ลงทุนเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex) โดยการโพสต์เฟซบุ๊กชื่อ “EA ARBITRAGE” การันตีกำไร ผลตอบแทนสูง ร้อยละ 25-40 ต่อเดือน หรือ ร้อยละ 5-15 ต่อสัปดาห์ จะต้องลงทุนขั้นต่ำจำนวน 500-10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (คิดอัตรา 1 เหรียญ ต่อ 33.80 บาท) ถ้าได้ผลตอบแทน 100 เปอร์เซ็นต์ ผู้ลงทุนจะได้รับ 70 เปอร์เซ็นต์ ห้กค่าเทรดจำนวน 30 เปอร์เซ็นต์ และค่าดูแลระบบคอมพิวเตอร์ เดือนละ 700 บาท
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ทำให้มีผู้เสียหายจำนวนมากหลงเชื่อโอนเงินไปยังบัญชีของกลุ่มผู้ต้องหา ในช่วงแรกได้ผลตอบแทนตามที่กำหนด ต่อมากลุ่มผู้ต้องหาไม่จ่ายผลตอบแทนตามที่ตกลงไว้ ผู้เสียหายบางรายถูกเทรดจนพอร์ตการลงทุนติดลบ บางรายไม่สามารถถอนผลกำไรจากพอร์ตการลงทุนได้ โดยกลุ่มผู้ต้องหาอ้างว่าระบบคอมพิวเตอร์มีปัญหา ทำให้เชื่อว่าถูกหลอกลวง เพราะบ่ายเบี่ยงมาเป็นเวลากว่า 6 เดือน จึงรวมตัวมาแจ้งเจ้าหน้าที่ ต่อมาได้รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาและขออำนาจศาลจังหวัดธัญบุรี ออกหมายค้นบริษัทดังกล่าว จนสามารถจับผู้ต้องหาได้ทั้ง 3 ราย พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินจำนวนมาก ซึ่งเชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิด มูลค่ากว่า 22 ล้านบาท
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มผู้ต้องหาเริ่มก่อเหตุเมื่อต้นปี 2561 และเริ่มมีปัญหาเรื่องการโอนเงินช่วงกลางปี บริษัทมีโปรแกรมเทรดหุ้น และพบรายชื่อผู้หลงเชื่อร่วมลงทุนมากกว่า 1,000 คน เบื้องต้นจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนกลุ่มผู้เสียหายคดีนี้ เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมาก หากตกเป็นผู้เสียหายให้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับสถานีตำรวจในพื้นที่ หรือ บก.ปอศ. เพื่อจะได้ขยายผลเพิ่มเติม เชื่อว่า มีผู้ร่วมขบวนการมากกว่านี้ ส่วนกลุ่มผู้ต้องหาจะทำการสอบปากคำอย่างละเอียดก่อนส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป