MGR Online - ยธ.มอบนโยบายกรมราชทัณฑ์ให้ผู้ต้องขังและผู้พ้นโทษได้รับการยอมรับจากสังคม พร้อมจะติดตั้งระบบ E-Banking ให้กับเรือนจำเพิ่มอีก 21 แห่ง
วันนี้ (29 ม.ค.) พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า วานนี้ (28 ม.ค.) ที่ห้องประชุมกระทรวงยุติธรรม ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ กรมราชทัณฑ์ได้จัดการประชุมคณะกรรมการราชทัณฑ์ ครั้งที่ 1/2562 โดยมี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานกรรมการ และนายวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม รองประธานกรรมการ พร้อมด้วยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิร่วมพิจารณาแนวทางงานราชทัณฑ์ โดยในที่ประชุม พล.อ.อ.ประจินได้เน้นหนักให้กรมราชทัณฑ์เป็นหน่วยงานที่จะทำผู้ต้องขังและผู้พ้นโทษให้ได้รับการยอมรับจากสังคม ตลอดจนการหางานให้กับผู้พ้นโทษ และได้แจ้งนโยบายเร่งรัดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในเรื่องต่างๆ ได้แก่ เรือนจำโครงสร้างเบา (การเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย) การทำงานของผู้พ้นโทษ การสร้างเรือนจำแห่งใหม่แทนแห่งเก่าจำนวน 5 แห่ง การสร้างโรงพยาบาลราชทัณฑ์แห่งที่ 2 และการสร้างที่พักสำหรับข้าราชการ ถือว่าในเรื่องดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้การขับเคลื่อนของงานราชทัณฑ์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เร่งพัฒนากระบวนการคืนคนดีสู่สังคมได้อย่างแท้จริง
พ.ต.อ.ณรัชต์เผยอีกว่า การประชุมในครั้งนี้มุ่งเน้นหาแนวทางการพัฒนาระบบงานราชทัณฑ์ให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการดำเนินงานศูนย์ประสานงานและส่งเสริมการมีงานทำ ซึ่งได้ดำเนินกิจกรรมให้ความช่วยเหลือ แนะนำแหล่งงาน ประสานข้อมูลตำแหน่งงาน รวมถึงบริการให้คำปรึกษาและการให้การสงเคราะห์ในด้านต่างๆ แก่ผู้พ้นโทษและประชาชนทั่วไป อีกทั้งการอำนวยความสะดวกด้านการบริการประชาชนเพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาลด้วยการเปิดให้บริการรับเงินฝากผู้ต้องขังผ่านธนาคารพาณิชย์ ซึ่งได้เปิดบริการมาแล้ว 3 เดือน โดยมีญาติผู้ต้องขังมาใช้บริการเป็นจำนวนเงินฝากทั้งสิ้น 2,039,278 บาท ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2562 จะติดตั้งระบบ E-Banking ให้กับเรือนจำเพิ่มอีก 21 แห่ง และการให้บริการด้านการเยี่ยมผ่านแอปพลิเคชันไลน์ (Application Line) การเยี่ยมผ่านจอภาพทางไกล เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ญาติ และเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้ต้องขังและครอบครัว เกิดขวัญกำลังใจให้ผู้ต้องขังกลับตัวไม่หันกลับไปกระทำผิดซ้ำ ขณะนี้ได้เปิดให้บริการแล้ว 111 เรือนจำ โดยได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากประชาชนผู้ใช้บริการดังกล่าวเป็นอย่างมาก
พ.ต.อ.ณรัชต์เผยต่อว่า พล.อ.อ.ประจินยังให้ความสำคัญต่อการสร้างสถานที่ควบคุมผู้ต้องขังคดีเด็ดขาด กำหนดโทษไม่เกิน 2 ปี ร่วมหาแนวทางและหลักเกณฑ์ ถือว่าเป็นเรือนจำความมั่นคงต่ำในกลุ่มจังหวัดอย่างน้อย 1 แห่ง ด้วยการนำพื้นที่ว่างในเรือนจำใช้เป็น เขต NO GO กั้นรั้วตาข่าย เพื่อแยกเป็นสถานที่เตรียมความพร้อมก่อนปล่อยสำหรับผู้ต้องขังโทษไม่เกิน 2 ปี ไม่ให้ปะปนกับผู้ต้องขังกลุ่มอื่น โดยได้เร่งรัดให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ ซึ่งภารกิจต่างๆ มุ่งหวังพัฒนาระบบการควบคุม ดูแล บำบัดฟื้นฟู การพัฒนาพฤตินิสัยของผู้ต้องขังให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในทุกด้าน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามวัตถุประสงค์ สามารถทำให้ผู้ต้องขังได้รับการขัดเกลาทั้งด้านร่างกายและจิตใจ พร้อมออกไปดำเนินชีวิตร่วมกับสังคมภายหลังพ้นโทษได้อย่างปกติสุข ไม่หวนกลับไปกระทำผิดซ้ำ เหลือเพียงแต่สังคมจะเปิดโอกาสให้บุคคลเหล่านี้หรือไม่ ประเทศชาติจะเดินหน้าต่อไปเมื่อเราร่วมกัน “คืนคนดีสู่สังคม” ทั้งภาครัฐ และภาคประชาชน
