MGR online - จำคุก 6 เดือน ปรับเงิน 7.5 หมื่นบาท ผู้บริหารบริษัทรับจ้างผลิตเซรั่มรักแร้ขาว เครือข่ายเมจิกสกิน แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี หลังรับสารภาพ ขณะที่คดีผัว-เมียเจ้าของเมจิกสกิน และเครือข่าย ไกล่เกลี่ยไม่ลงตัว ศาลนัดตรวจหลักฐาน 4 มี.ค. นี้
วันนี้ (24 ม.ค.) นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสั่งคดีสำนวนกลุ่ม บจก.เมจิกสกิน ภายหลังจากที่มีการยื่นฟ้องสำนวนเเรกไปเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 61 ว่า เมื่อวันที่ 8 ม.ค. ที่ผ่านมา อัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 ได้ยื่นฟ้อง บจก.เมจิกสกิน นายกร พวงสนและ นางวรรณภา พวงสน (สามีภรรยา) เป็นจำเลยที่ 1-3 ต่อศาลอาญาเป็นคดีที่ อ.42/2562 ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายเเก่ผู้อื่นหรือประชาชน, ร่วมกันผลิตเพื่อขาย รับจ้างผลิตขาย เเละขาย เครื่องสำอางปลอม (เครื่องสำอางที่ใช้ฉลากแจ้งชื่อผู้ผลิตหรือแหล่งผลิตที่มิใช่ความจริงเเละเครื่องสำอางที่แสดงว่าเป็นเครื่องสำอางที่จดแจ้งไว้ซึ่งมิใช่ความจริง) โดยไม่ได้รับการยกเว้นใดๆ อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย (เซรั่มทารักแร้ตราตรีชฎา) ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดได้ให้การปฏิเสธ โดยจำเลยทั้ง 3 ราย ได้รับการประกันตัว และศาลนัดคู่ความไกล่เกลี่ยในวันนี้ (24 ม.ค.)
ส่วนอีกสำนวนเป็นคดีที่อัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 ยื่นฟ้อง บจก.เมจิกสกิน นายกร และ นางวรรณภา พวงสน (สามีภรรยา) เป็นจำเลย 1-3 ในคดี อ.43/2562 ต่อศาลอาญา เมื่อวันที่ 8 ม.ค. เช่นเดียวกัน (เกี่ยวกับสินค้าเซรั่มยี่ห้อ Mezzo, สบู่ Mezzo, อาหารเสริมคลีโอ และอาหารเสริมชิโนบิ) ในความผิดฐานร่วมกันผลิตเพื่อขายเครื่องสำอางปลอม, เป็นผู้ร่วมกันผลิตเพื่อขายเครื่องสำอางจัดให้มีฉลากและแสดงฉลากของเครื่องสำอางไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด และร่วมกันผลิตเครื่องสำอางไม่ตรงตามที่ได้จดแจ้งเอาไว้อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย, ร่วมกันขายเครื่องสำอางปลอมและเครื่องสำอางที่แสดงฉลากของเครื่องสำอางไม่ถูกต้องอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย,
ร่วมกันผลิดเพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ควบคุมฉลากโดยแสดงฉลากไม่ถูกต้องและร่วมกันผลิตอาหารปลอม อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนและร่วมกันโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ และสรรพคุณอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย
ทั้งนี้ คดีที่อัยการยื่นฟ้อง บ.เมจิกสกิน กับ นายกร เเละ นางวรรณภา พวงสน 2 สำนวนในคดีหมายเลขดำ
อ.42/2562 และ อ.43/2562 นั้น วันนี้ ศาลอาญาได้นัดคู่ความเพื่อสอบถามตามมาตรการคุ้มครองสิทธิ ซึ่งปรากฏว่า จำเลยสองสามีภรรยาที่ได้ประกันตัว วงเงินคนละ 2 ล้านบาท ยืนยันให้การปฏิเสธ คดีจึงเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดี และให้นัดตรวจพยานหลักฐานโจทก์และจำเลย วันที่ 4 มี.ค. นี้
ส่วนที่มีการกล่าวหา นายพีร์นิธิ หรือ นิน ติรณวัตถุภรณ์, นายกสิทธิ์ หรือ อเล็กซ์ วรชิงตัน (หญิงย้วย เน็ตไอดอล ผู้โฆษณาขายสินค้าออนไลน์) และ นายไมยสิทธิ์ หรือ ไมย สว่างธรรมรัตน์ นั้น อัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 ก็ได้นำตัวไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญา เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ที่ผ่านมา แล้วเช่นกัน
และในวันที่ 8 ม.ค. ที่ผ่านมา ยังมีคดีหมายเลขดำ อ.44/2562 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 ยื่นฟ้อง น.ส.ตรีชฎา ใจสบาย ในความผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, หลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนฯ หรือข้อมูลอันเป็นเท็จฯ ซึ่งการฟ้องดังกล่าวเป็นมูลเดียวกับที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 ได้ยื่นฟ้องไปเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 61 เเต่เนื่องจาก บริษัท ฮานิวโคเรีย จำกัด และ น.ส.ปาจรีย์ วงศ์สมบูรณ์ ที่โดนฟ้องในสำนวนเดียวกันได้กลับคำให้การรับสารภาพ ศาลจึงนัดฟังคำพิพากษาในส่วนของจำเลยที่รับสารภาพ อัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 จึงได้ยื่นฟ้องเฉพาะ น.ส.ตรีชฎา ใหม่ในวันที่ 8 ม.ค. ด้วย
นายประยุทธ กล่าวอีกว่า นอกจากคดีที่อัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 ยื่นฟ้องไปแล้วเมื่อวันที่ 8 ม.ค. ที่ผ่านมาเเล้ว ในวันนี้ยังมีคดีที่อัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 นัดฟังคำสั่งคดีที่ น.ส.ณภัคศิกา เจริญสุข กับพวกรวม 216 คน กล่าวหา น.ส.มธุรส แดงสัมฤทธิ์, บริษัท เบอไนซ์ จำกัด (ตัวแทนจำหน่าย Slim Milk Snow Milk) โดย น.ส.มธุรส, นางวรรณภา พวงสน หัวหน้าทีม, บจก.เมจิกสกิน, ว่าที่ ร.ต.ปวีร์ กลางประพันธ์ และ บริษัท เนเจอร์ นิวทริ จำกัด เป็นผู้ต้องหาที่ 1-6 ในข้อหาร่วมกันผลิตหรือจำหน่าย ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีการเเสดงฉลากไม่ถูกต้อง, ร่วมกันผลิตหรือจำหน่ายอาหารที่เเสดงฉลากเพื่อลวงผู้บริโภคซึ่งจัดเป็นอาหารปลอม, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำข้อมูลปลอมเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งอธิบดีอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจและทรัพยากรได้ตั้งคณะทำงานขึ้นพิจารณาสำนวน แต่ขณะนี้ยังพิจารณาสำนวนไม่เสร็จ จึงให้เลื่อนนัดฟังคำสั่งอีกครั้งวันที่ 28 ก.พ. 62 เวลา 09.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ บริษัท ฮานิวโคเรีย จำกัด และ น.ส.ปาจรีย์ วงศ์สมบูรณ์ ผู้บริหารบริษัท ฮานิวฯ ที่ได้รับสารภาพ อัยการได้แยกฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำ อ.3691/2561 ฐานร่วมกันจ้างผลิตเครื่องสำอางไม่จดแจ้งรายละเอียดของเครื่องสำอางตามที่จดแจ้ง, ผู้รับจ้างผลิตเครื่องสำอาง ฉลากมีข้อความที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง, รับจ้างผลิตเครื่องสำอางปลอม ตาม พ.ร.บ. เครื่องสำอาง พ.ศ. 2558
เเละมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 61 เป็นหมายเลขคดีแดง อ.3781/2561 ให้ปรับบริษัท ฮานิวโคเรีย จำกัด เป็นเงิน 75,000 บาท เเละจำคุก น.ส.ปาจรีย์ เป็นเวลา 6 เดือน และโทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี ส่วนคดี ของ น.ส.ตรีชฎา หลังจากสอบคำให้การเมื่อวันที่ 21 ม.ค. ที่ผ่านมา ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานอีกครั้งในวันที่ 11 มี.ค. เวลา 13.30 น.
อย่างไรก็ตาม สำหรับสำนวนที่อัยการยื่นฟ้อง นายกสิทธิ์ หรือ อเล็กซ์ วรชิงตัน (หญิงย้วย เน็ตไอดอลผู้โฆษณาขายสินค้าออนไลน์) กับพวกรวม 3 ราย ฐานร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ 2550 มาตรา 3, 14(1) และ ความผิดตาม พ.ร.บ. อาหารฯ มาตรา 4, 5, 41 เเละ 47 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 เเละ 343 นั้น ศาลประทับรับฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำ อ.152/2562 และศาลนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 11 มี.ค. เวลา 09.00 น. โดยพฤติการณ์ที่กล่าวหาจำเลยทั้ง 3 ราย ระบุว่า ระหว่างเดือน มิ.ย. 60-ก.พ. 61 จำเลยกับพวก ซึ่งมีเจตนาทุจริตร่วมกันฉ้อโกงด้วยการเเสดงข้อความอันเป็นเท็จเเละร่วมกันนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์เผยแพร่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารที่ไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายจนมีผู้เสียหายหลงเชื่อจากการโฆษณา ทำให้พวกจำเลยได้รับเงินของผู้เสียหายโดยทุจริต