xs
xsm
sm
md
lg

ผลักดันทรัพย์สินไตรมาสแรกปีงบ 62 ออกจากระบบกว่า 4.6 หมื่นล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - “กรมบังคับคดี” ผลักดันทรัพย์สินไตรมาสแรก ออกจากระบบกว่า 46,274 ล้านบาท - ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชั้นบังคับคดีสำเร็จ 5,000 ราย ปีงบฯ 62

วันนี้ (16 ม.ค.) ณ ศูนย์บังคับคดีล้มละลายส่วนหน้า อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี แถลงผลการดำเนินงานของไตรมาสที่ 1 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ตามนโยบายเพื่อการพัฒนาสู่ความเป็นเลิศใน 5 ด้าน ได้แก่ 1. การบริหารจัดการคดี 2. การพัฒนานวัตกรรมและระบบการทำงาน 3. การพัฒนาระบบฐานข้อมูล 4. การเพิ่มศักยภาพบุคลากร และ 5. การยกระดับองค์กร เพื่อพัฒนาไปสู่ LED - Thailand 4.0

น.ส.รื่นวดีกล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานหลัก 7 ข้อ คือ 1. การเร่งผลักดันทรัพย์สินออกจากระบบตามกำหนดค่าเป้าหมายในการผลักดันทรัพย์สินในปีงบประมาณ 2562 ไว้สูงกว่าปีงบประมาณที่ผ่านมาจำนวนถึง 130,000 ล้านบาท ในไตรมาสแรกนี้ สามารถผลักดันทรัพย์สินได้เป็นเงินกว่า 46,274 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 35.60 ของเป้าหมาย และเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณ 2561 สามารถผลักดันทรัพย์สินได้สูงกว่า คิดเป็นร้อยละ 44.59

2. การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในชั้นบังคับคดี ภายใต้กลยุทธ์ “เชิงรุก เชิงลึก และครอบคลุม” มีเรื่องเข้าสู่การไกล่เกลี่ยจำนวน 5,847 เรื่อง และสามารถไกล่เกลี่ยสำเร็จ 5,257 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 89.91 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 สามารถไกล่เกลี่ยได้สำเร็จสูงกว่า คิดเป็นร้อยละ 88.09 โดยได้ทำการไกล่เกลี่ยหนี้ครัวเรือน หนี้รายย่อยต่างๆ และหนี้ กยศ.เป็นต้น ส่วนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส กยศ.ได้กำหนดเงื่อนไขใหม่ลดค่าเบี้ยปรับค้างชำระหนี้ ทำให้ลูกหนี้มีศักยภาพในการชำระหนี้ได้มากขึ้น โดยเดือน ธ.ค. 61 มีลูกหนี้ กยศ.เข้าร่วมมหกรรมจำนวนทั้งสิ้น 7,329 ราย ทั้งนี้ ต้นเดือน ก.พ.กรมบังคับคดีจะลงพื้นที่เดินสำรวจพื้นที่ที่ประสบภัยพายุปาปึกใน จ.พัทลุง, อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช และ อ.จะนะ จ.สงขลา เพื่อสอบถามครอบครัวที่ประสบภัยรายใดต้องการเข้าสู่การไกล่เกลี่ยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นทำให้กรมบังคับคดีได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชนสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

“3. การบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับคดีแพ่งและบังคับคดีล้มละลาย ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน 4. การพัฒนาความร่วมมือกับต่างประเทศ โดยเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 2561 กระทรวงยุติธรรม สาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมคณะ เข้าเยี่ยมและศึกษาดูงานด้านการบังคับคดีและการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชั้นบังคับคดี การนำด้านเทคโนโลยีมาใช้ในการปฏิบัติงาน และได้ร่วมแลกเปลี่ยนแนวทางในการปฏิบัติงาน”

น.ส.รื่นวดีกล่าวต่อว่า 5. การพัฒนาทักษะดิจิทัล สืบเนื่องจาก อ.ก.พ.วิสามัญเฉพาะกิจเกี่ยวกับการขับเคลื่อนการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลของข้าราชการ ได้พิจารณาคัดเลือกให้กรมบังคับคดี เป็นหน่วยงานนำรองการสร้างและพัฒนากำลังคนภาครัฐเชิงกลยุทธ์เพื่อนำไปสู่ดิจิทัลไทยแลนด์ 6. การพัฒนากระบวนการทำงาน ได้เริ่มดำเนินการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์รับส่งหนังสือราชการภายในหน่วยงานทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 - 28 ธันวาคม 2561 ส่งผลให้กรมบังคับคดีสามารถลดการใช้กระดาษได้ไม่น้อยกว่า 9,084 แผ่น เป็นการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อม ภายใต้ “LED 4.0 & Go green” และ 7. การเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการปฏิบัติงานตามกฎหมายใหม่ โดยสาระสำคัญส่วนหนึ่งกำหนดให้บังคับคดีตามคำสั่งทางปกครองที่กำหนดให้ชำระเงินโดยเจ้าพนักงานบังคับคดี


กำลังโหลดความคิดเห็น