xs
xsm
sm
md
lg

“อัจฉริยะ” บุกกองปราบฯ ท้าชน “ทนายตั้ม” ซัดหวังดิสเครดิตที่ถูกร้องเรียนคดีเอมี่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR online - ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมขึ้นกองปราบฯ รับทราบข้อกล่าวหา หลัง “ทนายตั้ม” นำสองสามีภรรยาแจ้งความดำเนินคดีสมคบทำหลักฐานเท็จ ปลอมแปลงเอกสาร ซัดเอกสารที่ได้มาโดยมิชอบโดยกฎหมาย เชื่อ “ษิทรา” หวังดิสเครดิตที่ถูกร้องคดีเอมี่ และเรื่องเรียกรับเงินสองผัวเมียส่งออกอาหารทะเล พร้อมท้าให้ทนายคนดังออกมาชี้แจงถ้าคิดว่าตัวเองไม่ผิด



วันนี้ (9 ม.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.00 น. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล รอง ผกก.สอบสวน กก.2 บก.ป. เพื่อสอบถามความคืบหน้ากรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน พร้อมด้วย นายเศรษฐ์ เดชสุภา อายุ 37 ปี น.ส.รักชนก เจริญมากสุข อายุ 42 ปี สองสามีภรรยาแจ้งความดำเนินคดีต่อ นายอัจฉริยะ และพวก ในข้อหา สมคบกันทำหลักฐานเท็จ และปลอมแปลงเอกสารราชการ

นายอัจฉริยะกล่าวว่า วันนี้มาพบพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. เพราะว่ามีการแจ้งความดำเนินคดีตนหรือไม่ หากมีการแจ้งข้อหาก็จะมารับทราบข้อกล่าวหาและมอบตัวเพื่อต่อสู้คดี ทั้งนี้ ยืนยันว่าในวันที่ 28 พ.ย. 2561 ตนไป สภ.บางปะอินจริง มีการลงบันทึกประจำวันถูกต้องตามกฎหมายจริง และขอยืนยันไม่ได้ปลอมเอกสารเพราะบันทึกประจำวันเป็นเอกสารของตำรวจตนไม่สามารถเข้าไปปลอมได้อยู่แล้ว ทั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวน สภ.บางปะอินได้เรียกตนไปสอบสวนเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2561 และออกหมายเลขคดี 774/661 เป็นเอกสารที่ผ่าน ผกก.สภ.บางปะอิน ผ่านขั้นตอนตามกฎหมาย สามารถไปตรวจสอบได้ที่ สภ.บางปะอิน

“คดีนี้เห็นได้ชัดว่าการที่นายษิทรามาแจ้งความดำเนินคดีกับผมที่กองปราบปรามนั้นก็เพื่อฟอกตัวเองให้ขาว และยังอ้างว่ารอง ผกก.สืบสวนไม่มีอำนาจลงบันทึกประจำวันนั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นเรื่องจริง สามารถไปตรวจสอบได้ หรือไม่ก็ถามตำรวจที่กองปราบปรามได้ว่าทางฝ่ายสืบสวนมีอำนาจหรือไม่ มันไม่มีกฎหมายห้าม ที่สำคัญทนายตั้มรู้ได้อย่างไรว่าวันที่ 28 พ.ย. ตนไม่ได้ไป สภ.บางปะอิน” นายอัจฉริยะกล่าว

นายอัจฉริยะกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ทางเรามีหลักฐานว่า เอกสารที่นายษิทราได้มาโดยมิชอบโดยกฎหมาย เพราะตัวเขาเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีไม่ได้เป็นคู่ความในคดี เพราะฉะนั้นไม่สามารถขอเอกสารจากพนักงานสอบสวนได้ และหากได้มาจริงถือว่ามีความผิดทางกฎหมายเหมือนเป็นการลักขโมยหลักฐาน ทำอย่างนี้คือการใช้สื่อมวลชนเป็นเครื่องมือเพื่อให้ตัวเองบริสุทธิ์ ทำลายความน่าเชื่อถือในการทำงานของตน อย่างไรก็ตาม ตนจะเดินทางไปที่ สภ.บางปะอินในวันที่ 14 ม.ค.นี้เพื่อร้องเรียนให้ ผกก.สภ.บางปะอินตั้งกรรมการสอบสวนเอาผิดคนที่นำเอกสารมาเผยแพร่ เพราะเท่าที่สังเกตเห็นพบว่าในเอกสารที่นายษิทรานำมาให้กองปราบปรามนั้นไม่มีลายเซ็นรับรองสำเนาถูกต้องของพนักงานสอบสวน

นายอัจฉริยะกล่าวด้วยว่า คดีนี้ทาง บก.ปอท.ได้มีการสืบสวนต่อ แต่ทางนายษิทราไม่ทราบเรื่อง และประเด็นที่บอกว่าตนไปขอคัดทะเบียนราษฎรนั้นทราบได้อย่างไรว่าตนเป็นคนไปขอคัด มันเป็นเรื่องของตำรวจที่ต้องชี้แจง คดีนี้ยังต้องมีการต่อสู้กันในชั้นศาลต่อไป อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าตลอดเวลาที่ทำงานในฐานะประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมมา 7 ปีไม่เคยคัดทะเบียนราษฎร ทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้

“เรื่องนี้บางคนคิดว่าเป็นความขัดแย้งส่วนตัวนั้นขอบอกไม่เป็นความจริง เพราะในคดี "เอมี่" อาเมเรีย จาคอป อดีตนางเอกดัง ทางตำรวจนครบาลมีการตรวจสอบแล้วว่ามีมูลจริง มีความเกี่ยวข้องกับการล้มคดี ทางนั้นต้องการล้างแค้นเพื่อดิสเครดิตและทำให้ผมเสื่อมเสียชื่อเสียง” นายอัจฉริยะกล่าว

นายอัจฉริยะกล่าวอีกว่า “เรื่องนี้ไม่ใช่การเอาคืนกันไปมา เพราะสิ่งที่เขาทำนั้นไม่ว่าเรื่องล้มคดียาเสพติดของเอมี่ ประชาชนรับได้หรือไม่ เรื่องคดีเรียกรับสินบน 5 แสนบาทจากสองสามีภรรยาส่งออกอาหารทะเล ที่ขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบอยู่ ถ้าไม่ผิด เขาสามารถฟ้องร้องกลับได้ตามกฎหมายอยู่แล้ว ก็ไม่เข้าใจว่าเรื่องที่ขอให้เขามาชี้แจงให้สังคมรับทราบ 5 เรื่องจนถึงตอนนี้ยังไม่มีการออกมาชี้แจงแม้แต่เรื่องเดียว หากเป็นเรื่องไม่จริงขอให้ออกมาชี้แจงต่อหน้าสื่อมวลชน ไม่ใช่มาทำลายกันอย่างนี้”



กำลังโหลดความคิดเห็น