MGR Online - ปธ.เครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมพาผู้เสียหายถูกแก๊งโจ๋ลูกหลานนักการเมืองท้องถิ่นโจ๋รุมโทรมที่ปราณบุรี ร้องกองปราบปรามหลังแจ้งความแต่คดีไม่มีความคืบหน้า
วันนี้ (8 ม.ค.) ที่กองปราบปราม นายรณรงค์ แก้วเพชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้พา น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 16 ปี พร้อมด้วยนางศิริวรรณ (ขอสงวนนามสกุล) มารดา เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท. แสงชัย เหล่ากิจรุ่งเรือง รอง ผกก.5 (สอบสวน) บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อนายโอ อายุ 17 ปี, นายฟิล์ม อายุ 16 ปี และนายคิว อายุ 16 ปี ทั้งหมดนามสมมติ ที่ร่วมกันก่อเหตุรุมโทรม น.ส.บี เหตุเกิดขึ้นที่บริเวณชายทะเลปากน้ำปราณ ต.ปากน้ำปราณบุรี อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่คดีไม่มีความคืบหน้า
นางศริวรรณเปิดเผยว่า ตนทราบว่าคืนวันเกิดเหตุบุตรสาวพร้อมเพื่อนชายคนสนิท รวมทั้งกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นเพื่อนที่เคยเรียนมาด้วยกันตั้งแต่เด็กๆ ได้พากันไปนั่งเล่นกันที่ชายหาดปากน้ำปราณ โดยมีการดื่มเหล้ากันด้วย แต่บุตรสาวของตนไม่ได้ดื่มด้วย ก่อนเกิดเหตุหลังจากกลุ่มผู้ต้องหามีอาการมึนเมา ขณะนั้นก็เอากุญแจจักรยานยนต์ของบุตรสาวไปไว้ในห้องน้ำสาธารณะริมชายหาด โดยบอกว่าให้เดินเข้าไปเอาเอง ปรากฏว่าเมื่อเดินเข้าไปเอากุญแจรถ กลุ่มผู้ต้องหาทั้งสามก็เดินตามเข้าไปด้วย ก่อนล็อกประตูห้องน้ำ แล้วก็ช่วยกันจับตัวบุตรสาวกดลงกับพื้นและลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ครบทั้ง 3 คน
นางศิริวรรณกล่าวต่อว่า ที่ต้องมาร้องกองปราบปรามก็เพื่อต้องการร้องขอความยุติธรรม เพราะกลัวว่าบุตรสาวจะคิดสั้น เนื่องจากกลุ่มผู้ต้องหาเองเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ ไม่คิดว่าจะมาทำกับเพื่อนแบบนี้ หลังเกิดเหตุตนพาบุตรสาวเข้าแจ้งความที่ สภ.ปากน้ำปราณ ร่วมทั้งเคยเจรจากับผู้ปกครองของกลุ่มผู้ต้องหาแล้ว โดยมีการตกลงเรียกค่าเสียหายทั้งหมด 150,000 บาท แต่พอนำเรื่องไปปรึกษากับร้อยเวรเจ้าของคดี กลับกลายเป็นว่าจะจ่ายค่าเสียหายทั้งหมด 5 หมื่นบาท และตำรวจบอกว่าเรื่องนี้เป็นคดีอาญาไม่สามารถยอมความได้ มาทราบภายหลังอีกว่าทางร้อยเวรก็เคยเรียกกลุ่มผู้ต้องหามาพบแล้ว แต่ทางตำรวจกลับไม่เคยตั้งข้อหาเพื่อดำเนินคดีอะไร ไม่ลงบันทึกประจำวันหรือเอกสารอย่างอื่นเลย จะมีเพียงแค่ใบส่งตัวฝ่ายผู้เสียหายให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายเท่านั้น
ด้านนายรณรงค์กล่าวว่า ที่ต้องเข้ามาร้องกองปราบปรามก็เพราะทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหานั้นเป็นลูกหลานของนักการเมืองท้องถิ่น อาจทำให้คดีไม่คืบหน้า เพราะคดีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. 2561 แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่เคยเรียกผู้เสียหายมาสอบปากคำเพิ่มเติมแต่อย่างใด เมื่อเข้าไปสอบถามความคืบหน้าของคดีกลับถูกพูดจาไม่ดีใส่ผู้เสียหายอีกด้วย แต่เมื่อรู้ว่าจะมาร้องเรียนที่กองปราบปรามก็รีบติดต่อเข้ามาว่าอย่าเพิ่งไปร้องเรียน ขอให้มาสอบปากคำเพิ่มเติมภายในอาทิตย์นี้ และขอร้องว่าไม่ต้องมาร้องที่กองปราบปรามอีกด้วย
นายรณรงค์กล่าวต่อว่า คดีนี้ตั้งแต่เกิดเหตุร้อยเวรเจ้าของคดีได้ส่งตัวผู้เสียหายไปตรวจร่างกายเพื่อหาร่องรอยการข่มขืนแล้ว แต่หมอผู้ตรวจกลับถามหาเสื้อผ้าของผู้เสียหายที่ใส่ในวันเกิดเหตุ เนื่องทราบว่าคดีนี้ทางตำรวจยังไม่ได้ส่งหลักฐานเสื้อผ้าของผู้เสียหายไปให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ตรวจเก็บหลักฐานทางวิทยาศาสตร์แต่อย่างใด โดยวันนี้ผู้เสียหายก็นำหลักฐานเสื้อผ้ามาให้ทางกองปราบปรามนำส่งพิสูจน์ ช่วยส่งตรวจ พร้อมกันนี้ทางผู้เสียหายยังต้องการให้เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนคดีนี้อีกด้วย
ด้าน พ.ต.ท.แสงชัยกล่าวว่า จะทำการสอบปากคำผู้เสียหายไวเป็นหลักฐานก่อน และตนได้ประสานไปยังพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีแล้ว ทราบว่าจะให้ผู้เสียหายไปให้ปากคำเพิ่มเติมในวันพรุ่งนี้ (9 ม.ค.) หลังจากนั้นก็จะได้มีการสอบปากคำและมีสหวิชาชีพร่วมในกระบวนการด้วยเนื่องจากผู้เสียหายยังเป็นเยาวชน