รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม ผู้จัดการ 360 วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2561 ตอน พลังดูด “พปชร.” ยังไม่จบ รอจก “งูเห่า” หลังเลือกตั้ง
เข้าโค้งสุดท้ายสุดท้ายตามโรดแมปเลือกตั้ง ที่ค่อนข้างชัดเจนว่า จะระเบิดศึกในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ตอนนี้คงพอจะเห็นกองทัพแต่ละพรรคหน้าตาเป็นอย่างไร สามารถกะเก็งได้ว่า พรรคใดจะได้ ส.ส.สักกี่คน หลังจากที่เปิดเผยหน้าตากำลังพลกันครบถ้วน
เห็นหน้าตักขุมข่ายแล้ว พรรคใหม่ สายอำนาจท็อปบูตอย่าง “พลังประชารัฐ” กลายเป็นสังกัดที่ฮอตจัดในช่วงโค้งสุดท้าย เพราะได้นักเลือกตั้งเกรดเอ “เพื่อไทย” และค่ายอื่นๆไปหลายสิบคน
พปชร. หรือพลังประชารัฐมีการนับตัวเลขกลมๆ ว่าจะได้ ส.ส.100 กว่าที่นั่ง โดยใช้ฐานความเป็น ส.ส. ในการเลือกตั้งปี 2554 ผนวกกับอดีตรัฐมนตรี และ ส.ส.ที่เป็นเจ้าของพื้นที่ ที่ตบเท้าเข้ามากันหลายคน
ต้องยอมรับว่า พลังดูดศิษย์ท็อปบูตรุนแรงของจริง โดยนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ แม่บ้านพรรค ที่รับบทบาทมือประสานสิบทิศ มั่นใจว่า ถ้าไม่ปิดฉากย้ายค่ายในวันที่ 26 พฤศจิกาฯ เสียก่อน พปชร. อาจได้มาเพิ่มอีกไม่รู้เท่าไหร่
นั่นอาจจะเพราะ มั่นใจในข้อเสนอที่หยิบยื่นให้ จะกระชากนักการเมืองตัวท็อปให้มาสวมเสื้อพลังประชารัฐได้ไม่ยาก
แต่เอาเข้าจริงแล้ว พรรคอื่นอาจปิดบัญชีไม่รับสมาชิกเพิ่มแล้ว แต่สำหรับ“พลังประชารัฐ” ยังสามารถเติมสมาชิก ส.ส.ได้เรื่อยๆ ไปจนถึงตั้งรัฐบาลเสร็จ
เพราะยังมีช่องทางในช่วงหลังเสร็จเลือกตั้ง กวาดต้อน ส.ส.เข้ามาร่วมพรรคอีกรอบ ที่จะเอามาเป็นฐานเสียงสนับสนุนให้พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่คาดว่าจะเป็นเบอร์หนึ่งในรายชื่อนายกรัฐมนตรี ที่พรรคพลังประชารัฐเสนอ
หลังวันเลือกตั้ง และก่อนเปิดสภาเลือกนายกรัฐมนตรีสถานการณ์จะอยู่ในการช่วงชิง ใครจะเป็นฝ่ายตั้งรัฐบาล จะขับเคี่ยวกันสองพรรค ระหว่าง พลังประชารัฐขั้วหนึ่งกับเพื่อไทยอีกขั้วหนึ่ง จึงยังมีเวลาอีกหลายสัปดาห์ที่จะเดินกลเกมจับขั้วจัดตั้งรัฐบาลและเป็นโอกาสที่จะดูดส. ส.ให้เข้ามาเสริมกำลังในช่วงชี้ชะตานั้น
ช่วงนั้น ถือว่าเป็นเวลาของการปล่อยของ ใครประมาทเลินเล่อเผลอใจก็แพ้เป็นฝ่ายค้าน ใครเชี่ยวชาญในการจับปลายามน้ำขุ่นก็เป็นผู้ชนะ สถานนี้อาจจะเรียกว่า “ชนะเป็นนาย แพ้เป็นขี้ข้า” ก็ว่าได้
จึงยังมีเวลาอีกหลายสัปดาห์ที่จะมีการเดินกลเกมจับขั้วจัดตั้งรัฐบาลและเป็นโอกาสที่จะดูดส. ส.ให้เข้ามาเสริมกำลังในช่วงชี้ชะตานั้น
กลยุทธ์แบบนี้ เคยเกิดขึ้นแล้ว ในประวัติศาสตร์ โดย“ประชาธิปัตย์” เคยทำเรื่องนี้ไว้แล้ว คือสมัย “เสธ.หนั่น” พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เป็นเลขาธิการพรรคสร้างวีรกรรม ดึงพรรคร่วมรัฐบาล มาผสมกับฝ่ายค้านที่ตัวเองเป็นอยู่
ดันอดีตนายกรัฐมนตรี “ชวน หลีกภัย” นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 ได้สำเร็จ
เป็นเรื่องตำนานการเมือง ย้อนไปเมื่อครั้ง "พ่อใหญ่จิ๋ว" พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรี ประกาศลาออกจากตำแหน่งในปี 2540 พล.ต.สนั่น เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์สมัยนั้น
ซึ่งขณะนั้นพรรคประชาธิปัตย์ มี ส.ส.เป็นอันดับสอง คือมีอยู่ 123 คน รองจากพรรคความหวังใหม่ ของ พล.อ.ชวลิต ที่มี 125 เสียง พล.ต.สนั่น จำต้องเดินเกมเพื่อให้ นายชวน หลีกภัย หัวหน้าพรรค ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้
ส่วนคู่แข่งขณะนั้น คือ นายเสนาะ เทียนทอง เลขาธิการพรรคความหวังใหม่ ในขณะนั้น เป็นมือประสานสิบทิศ เดินหมากดัน พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ให้รีเทิร์นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
ผลปรากฎว่าฝ่าย พล.ต. สนั่น รวบรวมสมัครพรรคพวกได้ 196 เสียง ประกอบด้วย พรรคประชาธิปัตย์ 123 เสียง พรรคชาติไทย 39 เสียง พรรคเอกภาพ 8 เสียง พรรคไท 1 เสียง และ พรรคพลังธรรม 1 เสียง พรรคกิจสังคม 20 เสียง และ พรรคเสรีธรรม 4 เสียง
ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลโดยการนำของ “ป๋าเหนาะ” ได้มากกว่า 1 เสียง คือ 197 เสียง ประกอบด้วย พรรคความหวังใหม่ 125 เสียง พรรคชาติพัฒนา 52 เสียง พรรคประชากรไทย 18 เสียง และพรรคมวลชน 2 เสียง
เก้าอี้นายกฯ พล.อ.ชาติชาย สมัยที่2 ต้องมีอันหลุดมือไป หลัง พล.ต.สนั่น ดูดส.ส.พรรคประชากรไทย ให้มาอยู่ด้วย 12 คน รวมเป็น 208 เสียง ส่วนฝ่ายรัฐบาลเก่าเหลืออยู่ 185 เสียง ส่งผลให้ นายชวน ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เรียบร้อยโรงเรียนเสธ. หนั่น
ทำให้ นายสมัคร สุนทรเวช ในฐานะหัวหน้าพรรคประชากรไทย ขณะนั้น ถึงกับควันออกหู เก็บอาการไม่อยู่ ออกมาด่ากระทบ 12 ส.ส.เปรียบอดีตลูกพรรคตัวเอง ที่แปรพักตร์ นี้ว่า "กลุ่มงูเห่า"
อนาคตการเมืองในสภาหลังเลือกตั้ง และก่อนได้ตัวนายกรัฐมนตรี ที่คาดว่าพลเอก ประยุทธ์จะกลับมาอีกรอบ มีแนวโน้มว่าจะมีปฏิบัติการจกงูเห่าเหมือนปี40 อยู่ไม่น้อย รายละเอียดเป็นอย่างไรเราจะมาว่ากันต่อในวันพรุ่งนี้ ติดตามข่าวลึกปมลับที่ช่อง นิวส์1 วันนี้ผมและทีมงานขอลาไปก่อนสวัสดีครับ