“พี่คล้าว 2018” เจ้าของภาพถ่ายคู่กับควายยิ้ม “เจ้าทองคำ” โดยก่อนหน้านี้ได้ขอเรี่ยไรเงินบริจาคไถ่ตัวควายเจ้าทองคำ จำนวน 1 แสนบาท เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว เพื่อรับทราบ 4 ข้อกล่าวหา โผเข้าหาเจ้าควายทองคำที่ถูกเลี้ยงไว้ที่ด้านหลัง สน. กอดหอม พูดจากับเจ้าควายทองคำว่า “เดี๋ยวจะได้กลับบ้านไปอยู่ด้วยกันนะ”
วันนี้ (29 พ.ย.) เวลา 14.30 น. ที่ สน.คันนายาว นายสุรัตน์ แผ้วเกตุ อายุ 34 ปี หรือฉายา “พี่คล้าว 2018” พร้อมด้วยนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ ประธานชมรมสนับสนุนการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม ได้นำเอกสารการเงินที่ผู้ใจบุญบริจาคเข้ามา เช่น สลิปการรับโอนเงิน การโอนเงินจากกลุ่มเพื่อนๆ รวมถึงเอกสารจากอัยการจังหวัดชัยนาท เพื่อเป็นหลักฐานแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยก่อนที่จะเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำ นายสุรัตน์ได้เดินเข้าไปหาเจ้าทองคำ พร้อมกับใช้มือลูบบริเวณใบหน้าเจ้าทองคำอยู่ตลอดเวลา และได้สวมกอดเจ้าทองคำเพื่อทักทายแสดงความคิดถึง
นายสุรัตน์กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาชี้แจงทั้ง 4 ข้อกล่าวหา พร้อมนำหลักฐานมาแสดงความบริสุทธิ์ใจต่อเจ้าหน้าที่ว่าไม่ได้หลอกลวงใคร ตนอยากได้รอยยิ้มให้คนที่เคยพบเห็น และตนเป็นชาวนาก็อยากอนุรักษ์ควายไว้ให้เด็กๆ ได้มาวิ่งเล่นกันอย่างมีความสุข ก่อนหน้านี้เคยอนุรักษ์ควายไว้แล้วครั้งหนึ่งและก็ไม่อยากให้ควายหายไป จึงอยากทำต่อให้คนมีความสุข ตอนนี้เพื่อนๆ ได้ให้กำลังใจเยอะมาก คนเขาตั้งใจให้ก็มาชี้แจงเจตนาตามความจริงในขั้นตอนทุกขั้นตอน ตนไม่เคยคิดโกงเพราะเป็นเงินทำบุญ อยากให้สังคมรู้จัก อ.เนินขาม จ.ชัยนาท ว่ายังมีวิถีชาวนาอยู่ ตอนนี้ได้พูดคุยกับเจ้าของเจ้าทองคำ และยินดีที่จะให้ตนไว้ ให้เจ้าทองคำได้อยู่กับตนต่อ และไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว ขอให้พิสูจน์ให้ได้ว่าเงินที่เราได้มานั้นบริสุทธิ์จริงๆ ไม่ได้ฉ้อโกงใคร
นายสุรัตน์กล่าวอีกว่า สำหรับข้อความ “อยากจะให้ช่วยกัน ในการไถ่ชีวิตเจ้าทองคำไว้ที่นี่ ... อาจจะทำบุญด้วยกันมาแค่นี้” ตนเองไม่มีเจตนาแอบแฝงในการโพสต์ข้อความเพื่อเรี่ยไรเงินจากสาธารณชน แต่ต้องการขอความช่วยเหลือจากกลุ่มๆ เพื่อนๆ ในเฟซบุ๊กที่รักเจ้าทองคำ ซึ่งกลุ่มเพื่อนๆ ต่างยินดีและร่วมกันแชร์ข้อความต่อๆ กันไป และยอมรับว่าขณะนี้เสียใจมากที่ถูกสังคมตีเจตนารมณ์ของตนเองผิดไป ตนเองเพียงแค่ต้องการเลี้ยงดูเจ้าทองคำไปตลอดชีวิตของมันเท่านั้น ส่วนเงินที่ได้รับบริจาคมา ตนนำไปใช้เพียง 100,000 บาท เพื่อจ่ายค่าซื้อควายจากนายบุญเลิศ กาฬภักดี อายุ 64 ปี นายก อบต.สุขเดือนห้า โดยมิได้นำไปใช้จ่ายส่วนตัวแต่อย่างใด
ส่วนกรณีที่ตนเองไม่ได้เดินทางเข้ามามอบตัวและรับทราบข้อกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวนเนื่องจากไม่มีความรู้ด้านกฎหมาย และรู้สึกท้อ เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก แต่วันนี้ได้รับกำลังใจจากเพื่อนๆ ในเฟซบุ๊กซึ่งเป็นผู้บริจาคเงิน จึงตัดสินใจเข้ามามอบตัวต่อสู้คดี อีกทั้งคิดถึงและเป็นห่วงเจ้าทองคำมาก
ด้าน พ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า ต้องขอขอบคุณที่นายสุรัตน์ให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวน หลังจากนี้จะรวบรวมข้อเท็จจริงตามที่นายสุรัตน์ได้ให้การ พร้อมทั้งปล่อยตัวนายสุรัตน์ โดยกำชับห้ามหลบหนีและไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้ขั้นตอนต่อไปจะเรียกทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้ามาพูดคุยเรื่องควายของกลางต่อไป
