รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม ผู้จัดการ 360 วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2561 ตอน 24 ก.พ.62 เลือกตั้งชัวร์ ชิงความเปรียบให้ “พปชร.”
วันนี้มาคุยกันประเด็นวันเลือกตั้ง สรุปว่ามีความคืบหน้าชัดเจนออกมาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เป็นมติจากการหารือกันของฝ่ายที่เกี่ยวข้อง คือฝ่ายรัฐบาล คสช. และคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เห็นพ้องต้องกันให้วันเลือกตั้ง ส.ส.เป็นวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ตามโรดแม็พเดิม
มีการยืนยันว่า ไม่มีการเลื่อนอีกแล้ว เพราะถือว่า24กุมภาฯเป็นวันที่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง โดยจะเร็วก็นี้ก็ไม่ได้ ถ่วงเวลาออกไปอีกกว่านี้ ก็จะเสียหายหลายด้าน โดยเฉพาะจะน่าเกียจทำให้คนนินทาคสช. และเหนืออื่นใดวันที่ 24 กุมภาฯเป็นที่พอใจของฝ่ายผู้มีอำนาจด้วย
มันเป็นความพอใจที่เกิดจากเหตุผล ที่ว่ายิ่งกำหนดวันเลือกตั้งเร็วเท่าไหร่ ก็จะเป็นผลดีกับรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ และคสช. เท่านั้น คำนวณแล้วมีแต่บวกด้านเดียว ข้อเสียดูแล้วยังไม่เห็น
แต่ถ้ายื้อเวลาเลือกตั้งออกไป รัฐบาล คสช. จะหมดเครดิตความเชื่อถือ ต่อไปพูดทำอะไรคนจะไม่เชื่อฟัง ทุกอย่างจะพัง
การเลือกตั้งในวัน ที่ยังใช้วันเวลาเดิม ถือว่ารัฐบาลคสช. ได้เปรียบอย่างมากที่จะส่งพรรคการเมืองในสังกัด คือพรรคพลังประชารัฐ หรือชื่อย่อ พปชร. เข้าไปสู้ในสมรภูมิเลือกตั้ง เพราะรู้ความในข้อมูลอินไซด์ เห็นข้อสอบของการเลือกตั้งทุกข้อแต่ฝ่ายเดียว
ซึ่งคู่แข่งพรรคการเมืองอื่นยังไม่รู้ ไม่เห็นอะไรเลย เมื่อไม่รู้ก็ย่อมเป็นความลำบากที่จะกำหนดตัวคนและแผนการต่อสู้ ฝ่ายพรรคพลังประชารัฐจึงได้เปรียบมาก ตอนนี้คงจะวางตัวคนสมัครได้ครบถ้วนลงตัวทุกเขตทั่วประเทศแล้ว แต่พรรคอื่นยังตั้งตารอ ว่า กกต. จะแบ่งเขตอย่างไร
เมื่อการเลือกตั้งที่ทำท่าจะโยกย้ายเปลี่ยนวันออกไป กลับตวัดกลับมาเป็นวันที่ 24 ก.พ.เหมือนเดิม พรรคการเมืองอื่นๆยังไม่รู้เลยว่า กกต. แบ่งเขตเลือกตั้งทั่วประเทศอย่างไร เพราะการแบ่งเขตยังไม่ประกาศออกมา ทั้งที่ควรจะออกมาตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว เหมือนเป็นการสับขาหลอก
แต่พรรคท้อปบู๊ตเห็นข้อมูลอินไซด์ไปหมดแล้ว จัดคนวางเกมสู้ไว้เสร็จแล้ว นี่จึงเป็นผลดีที่รัฐบาลคสช. ได้จากการกำหนดวันเลือกตั้ง ยิ่งเร็วยิ่งได้เปรียบคู่ต่อสู้ทุกประตู จะว่าเหมือนเล่นไฮโลเปิดถ้วยแทงก็ไม่ผิด
เรื่องที่สำคัญกับการเตรียมตัวเลือกตั้ง ก็คือเรื่องเขตเลือกตั้ง การประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งคงจะมีออกมาภายในสัปดาห์นี้ หรือไม่เกินวันศุกร์ที่ 30 พ.ย. ทำให้ระหว่างนี้พรรคการเมืองอื่น คงต้องรอจนกว่าจะถึงวันนั้น
เมื่อได้รู้การแบ่งเขต หลังจากนั้นถึงจะกำหนดกลยุทธ์สู้ศึกในแต่ละเขตพื้นที่เลือกตั้ง ต่างจากพลังประชารัฐที่ตอนนี้คงออกวิ่งไปก่อนไปไกลแล้ว
พลังประชารัฐ เกิดขึ้นมาเพื่อการสานต่ออำนาจ เพื่อให้พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้นั่งนายกรัฐมนตรีต่ออีกรอบ ดังนั้นการก่อกำเนิดพรรคพลังประชารัฐขึ้นมาเพื่อชนะ จะแพ้ไม่ได้ ยอมแพ้ได้กับแชมป์อย่างพรรคเพื่อไทยพรรคเดียวเท่านั้น
แต่ถึงจะแพ้เพื่อไทยก็ต้องได้ส. ส. มาเป็นกอบเป็นกำ ให้สมกับที่จะเข้ามาฐานะพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ถึงจะสู้พรรคเพื่อไทยไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ถึงตอนนี้พลังประชารัฐกวาดอดีต ส.ส.นักการเมืองน้อยใหญ่เข้าสังกัดจนทับพื้นที่กันหลายชั้น เริ่มมีหวังและฝันจะคว่ำแชมป์ได้เหมือนกัน
เพื่อไทย มีสถานการณ์ภายในที่ไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากการไหลออกของสมาชิกเก่าไปอยู่กับพรรคสาขาอย่างไทยรักษาชาติ เพื่อชาติ และเพื่อธรรม แถมยังชิงการนำกันระหว่างพรรคแม่กับพรรคเครือข่ายอีก ปัญหาแตกแยกชิงดีชิงเด่นนี้ ทำให้พลังเพื่อไทยอ่อนล้าถดถอยไป ซึ่งจะส่งผลกับการหาเสียง
นอกจากนี้ เพื่อไทยยังถูกสกัดในจุดที่สำคัญ คือกลยุทธ์สำคัญในการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยกับพรรคลูกค่าย จะใช้ไม้ตายอย่างเดิมอีกไม่ได้ คือนโยบายประชานิยมที่หวังจะสร้างฐานเสียง และให้คนเลือก
เพราะนโยบายแจกแถมที่เป็นแนวถนัด จะใช้กับการเลือกตั้งครั้งไม่ได้ จะผิดรัฐธรรมนูญ จะมี กกต. เป็นผู้ตามจับผิด
ขณะที่ตอนนี้รัฐบาลประยุทธ์ได้มีมาตรการช่วยเหลือคนจน คนถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สิบเอ็ดล้านกว่าคนด้วยเงินให้เปล่าเป็นของขวัญปีใหม่ไปแล้ว ข้าราชการบำนาญก็ได้เงินเพิ่ม
และยังจะมีอีกหลายโครงการในนามช่วยเหลือค่าครองชีพพิชิตใจคนยากจน ตามมาติดๆก่อนจะมีกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ออกมา
รัฐบาลประยุทธ์แจกเงินอ้างทำเพื่อคนจน และพร้อมกันก็เป็นอานิสงส์ส่งไปให้พรรคพลังประชารัฐเต็มๆด้วย โดยไม่ต้องไปออกนโยบายประชานิยมให้สุ่มเสี่ยงกับการถูกตรวจสอบ เพราะมีหัวรถจักรทำให้แล้ว ส่วนพรรคการเมืองอื่นก็ต้องไปเสี่ยงวัดดวงกับ กกต. เองถ้าจะงัดประชานิยมมาใช้หาเสียง
นับจากนี้จนถึงวันที่ 11 ธันวาคม หรืออีกเกือบสามสัปดาห์ ที่กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.จะมีผลบังคับใช้ และมีกฎหมายกำหนดวันเลือกตั้ง ส.ส.ออกมา ในช่วงนั้น คสช. คงจะปลดล็อกร้อยเปอร์เซ็นต์ให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมทางการเมืองได้ พรรคต่างๆก็จะออกสตาร์ทกันในช่วงนั้น
แต่ระหว่างนี้ หัวรถจักรของพรรคพลังประชารัฐ ยังสามารถขับเคลื่อนต่อไป เพื่อชิงความได้เปรียบให้พลังประชารัฐ ซึ่งอาจจะมีทั้งโครงการประชานิยม และวิเศษนิยมถล่มมาพร้อมกัน โดยใครคงไม่สามารถจะว่าอะไรได้