MGR Online - “พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน” นำทีมตำรวจ ปส.แถลงจับรองนายก อบต.พร้อมสมุนค้ายาเสพติด ได้ของกลางมูลค่ากว่า 30 ล้าน ขณะเดียวกันยังจับเครือข่ายค้ายานรกได้อีก 2 กลุ่ม
วันนี้ (23 พ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส. พล.ต.ต.ทนัย อภิชาตเสนีย์ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบก.ปส.2 พล.ต.ต.วัชระ ทิพย์มงคล ผบก.ปส.3 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และปปง. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมคดียาเสพติด 3 คดี จับกุมผู้ต้องหา 9 ราย ของกลางยาบ้า 298,000 เม็ด กัญชา 204 กก. มูลค่าประมาณ 30,820,000 ล้านบาท และตรวจยึดทรัพย์สินรวม 2,047,500 ล้านบาท
โดยคดีแรก เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปส.3 ทำการจับกุมนายอะคา จะนู อายุ 54 ปี รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเวียง ต.เวียง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย, นายสุวิชัย พงศ์ทวีรัฐ อายุ 23 ปี, นายจะมุ จะหลู อายุ 21 ปี และนายจะงะ พญาอู๋ อายุ 56 ปี ทั้งหมดเป็นชาว จ.เชียงราย พร้อมของกลางยาบ้า 250,000 เม็ด รถยนต์ 2 คัน จักรยานยนต์ 1 คัน โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง และอาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม.1 กระบอก
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปส. 3 ได้รับแจ้งจากสายลับและหน่วยงานในพื้นที่ว่ามีกลุ่มนักค้ายาเสพติดเป็นนักการเมืองท้องถิ่นชาวเขามีพฤติกรรมจำหน่ายยาเสพติดในพื้นที่เขต อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย จึงทำการสืบสวน จนกระทั่งในวันที่ 19 พ.ย. เวลาประมาณ 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสะกดรอยพบนายจอะคา จะนู รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเวียง ที่บริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท. บ้านแม่ขะจาน ต.แม่เจดีย์ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย จึงเข้าจับกุมตัวไว้พร้อมของกลางเป็นอาวุธปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติขนาด 9 มม.1 กระบอกที่อยู่ในรถยนต์ จากนั้นจึงเข้าจับกุมนายสุวิชัย และนายจะมุ ได้ที่บริเวณที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลเวียง แล้วขยายผลไปจับกุมนายจะงะได้ที่บริเวณริมถนนสายเชียงใหม่-เชียงราย ต.ป่างิ้ว อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ขณะจะส่งมอบยาบ้า 250,000 เม็ดให้ลูกค้า ก่อนที่จะนำกำลังไปตรวจค้นบ้านพักของนายอะคาและตรวจยึดทรัพย์สินเป็นสมุดบัญชีเงินฝาก 8 เล่ม บัตรกดเงินสด 3 ใบ เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และแจ้งข้อหา พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควรและเร่งด่วนตามควรแก่พฤติการณ์เพิ่มเติมต่อนายอะคา นำตัวส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.ดำเนินคดี
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า คดีนี้ พล.ต.ท.ชินภัทรได้เดินทางไปบัญชาการการปฏิบัติการด้วยตนเอง จากการสอบสวนนายอะคา จะนู ให้การรับสารภาพว่า เพิ่งมีพฤติกรรมค้ายาเสพติดมาไม่นาน แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อเนื่องจากมีหลักฐาน เช่น เส้นทางการเงิน ส่วนยาเสพติดของกลาง พบว่ามีสัญลักษณ์ 999 ซึ่งเป็นของกลุ่มว้าใต้ และจากแนวทางการสืบสวนยังด้วยพบว่านายอะคาเป็นหัวหน้า คอยสั่งการและดูแลเรื่องการเงิน อีกทั้งยังเป็นที่รักของคนในพื้นที่ ส่วนนายสุวิชัยกับนายจะมุคอยรับส่งยาเสพติด ขณะที่นายจะงะทำหน้าที่ขับรถ โดยขบวนการนี้จะแพร่กระจายยาเสพติดอยู่ในพื้นที่ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ บช.ปส.จะทำการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม ในเบื้องต้นตอนนี้ไม่พบนักการเมืองท้องถิ่นคนอื่นร่วมอีก แต่หากสืบสวนแล้วปรากฏมีผู้เกี่ยวข้องก็จะทำการจับกุมมาดำเนินคดี
คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปส.3 ทำการจับกุมนายพรศักดิ์ หรือชาติ แซ่โซ้ง อายุ 42 ปี และนายชวน หรือเตี้ย แซ่หว้า อายุ 20 ปี ทั้งสองเป็นชาว ต.เข็กน้อย อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ พร้อมของกลางยาบ้า 48,000 เม็ด จักรยานยนต์ 1 คัน โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง สามารถจับกุมได้เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 61
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งว่าจะมีกลุ่มนักค้ายาเสพติดกลุ่มม้ง ต.เข็กน้อย อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ จะทำการส่งมอบยาเสพติดให้กับลูกค้าที่ปั๊มน้ำมันพีที ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ จึงเฝ้าติดตาม จนกระทั่งพบนายพรศักดิ์และนายชวนที่ปั๊มน้ำมันจุดนัดพบจึงเข้าจับกุมตัวไว้ได้ เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย นำตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.3 ดำเนินคดี
และคดีที่ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.2 จับกุมนายนิรุตน์ บัวทุม อายุ 30 ปี, นายประจวบ บัวทุม อายุ 37 ปี, นายบุญช่วย เขียวไพรี อายุ 49 ปี พร้อมของกลางกัญชาแห้งอัดแท่ง จำนวน 204 แท่ง น้ำหนัก 204 กก. รถยนต์กระบะบรรทุก 1 คัน รถยนต์เก๋ง 1 คัน และโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง จับกุมได้เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 61
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับว่า นายบุญช่วยมีพฤติกรรมลักลอบขนยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไปส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ตอนในและภาคตะวันออกโดยใช้เส้นทาง จ.หนองคาย-จ.อุดรธานี-จ.เพชรบูรณ์-สระบุรี-กทม.-ชลบุรี ปลายทาง จ.ระยอง โดยใช้รถยนเก๋งยี่ห้อซูซูกิ รุ่น ERTIGA สีดำ หมายเลขทะเบียน กว 6461 สุราษฎร์ธานี และรถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน สีดำ หมายเลขทะเบียน บพ 1289 เลย เป็นยานพาหนะในการลำเลียงยาเสพติด จึงวางแผนเข้าจับกุม
ต่อมาเจ้าหน้าที่พบรถยนต์กระบะไทรทัน คันที่ลักษณะและทะเบียนตรงกับที่สายลับแจ้ง วิ่งอยู่บนถนนมิตรภาพ จึงเฝ้าสะกดรอยติดตาม ก่อนเข้าจับกุมได้ที่บริเวณริมถนนวังสะพุง-ภูหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย จากการตรวจค้นพบนายนิรุตน์เป็นคนขับรถ และนายประจวบนั่งข้างคนขับ มีกัญชาอัดแท่งบรรจุในกระสอบปุ๋ย พันด้วยเทปกาวใสห่อหุ้มด้วยพลาสติกสีดำ 5 กระสอบ จึงยึดไว้เป็นของกลาง
จากนั้น ขยายผลสกัดรถยนต์เก๋งซูซูกิ ได้ที่ริมทางจุดชมวิวภูหลวง บ้านเลยวังไสย์ ต.เลยวังไสย์ อ.ภูหลวง จ.เลย พบนายบุญช่วยเป็นคนขับ ทำหน้าที่นำทางและตรวจเส้นทางล่วงหน้า จากการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ดำเนินคดีพร้อมขยายผลต่อไป เนื่องจากขบวนการค้ายาเสพติดรายนี้ใช้เส้นทางใหม่ คือ จ.ระยอง ไม่เหมือนกับที่ผ่านมาที่มักไปภาคใต้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าจะนำไปจำหน่ายให้แก่ลูกค้าในพื้นที่ภาคตะวันออก
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติเปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการทลายเครือข่ายยาเสพติด ซึ่งการจับกุมเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำความผิดก็เป็นส่วนหนึ่ง หลังจากนี้จะต้องขยายผลต่อไปว่ามีบุคคล หรือหน่วยงานใดเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่มีข้อมูลและหลักฐานในคดีที่มีผู้ต้องหาเป็นรองนายก อบต. แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบกับการทำงานของตำรวจ
ส่วนมาตรการป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ประสานการปฏิบัติงานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ทหาร ฝ่ายปกครองส่วนปกครองท้องถิ่น ป.ป.ส. และ ปปง. ในการตัดเส้นทางลำเลียงยาเสพติดอยู่แล้ว หากพบข้อมูลว่าเจ้าหน้าที่คนใดไปเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดก็จะต้องดำเนินการตรวจสอบ ถ้ามีความผิดก็ต้องจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ขอฝากไปถึงประชาชนด้วยว่า หากพบเบาะแสเกี่ยวกับยาเสพติดสามารถแจ้งมาได้ที่สายด่วน 1599 และ 191