MGR online - ปธ.ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พาลูกญาติเหยื่อสาวถูกกิ๊กสาดน้ำกรด แห่โลงศพประท้วง รพ.พระราม 2 ปฏิเสธการรักษา จนเสียชีวิต พร้อมเรียกร้องค่ารักษา สั่งปิด รพ.ขาดจริยธรรม ปะทะคารมเดือดถึงขั้นชี้นิ้วทุบโต๊ะด่า
วันนี้ (11 พ.ย.) โรงพยาบาลพระราม 2 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และครอบครัวของ นางช่อลัดดา ทาระวัน อายุ 38 ปี ที่ถูก นายคำตัน สามี เอาน้ำกรดสาดที่ใบหน้าด้วยความหึงหวง นำโลงศพที่ภายในบรรจุร่างของนางช่อลัดดา ไปวางที่หน้าโรงพยาบาล เพื่อเรียกร้องความรับผิดชอบ หลังก่อนหน้านี้ นางช่อลัดดา พร้อมด้วย ด.ญ.เตชินี อายุ 12 ปี นั่งรถแท็กซี่เพื่อไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่คนขับรถแท็กซี่เห็นว่า นางช่อลัดดา อาการสาหัส จึงพาเข้าโรงพยาบาลพระราม 2 ซึ่งอยู่ใกล้กว่า แต่ถูกโรงพยาบาลปฏิเสธการรักษา พร้อมทั้งให้ขึ้นรถแท็กซี่ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอื่น ก่อนที่ นางช่อลัดดา ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตระหว่างทาง
ด.ญ.เตชินี กล่าวทั้งน้ำตา ว่า วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 05.00 น. ขณะที่กำลังนอนหลับ ต้องสะดุ้งตื่นตกใจ เพราะได้ยินเสียงร้องของแม่ ขณะนั้นเห็นแม่วิ่งเข้าห้องน้ำ จึงถามว่าแม่เป็นอะไร แม่บอกว่าถูกน้ำร้อนสาด ตนถามว่าใครเป็นคนสาด แม่บอกว่าเป็นลุง ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงของตน จากนั้นแม่ให้พาไปโรงพยาบาล จึงได้เรียกรถแท็กซี่ แม่บอกว่าให้พาไปโรงพยาบาลบางมด แต่คนขับรถแท็กซี่เห็นว่า โรงพยาบาลพระราม 2 อยู่ใกล้กว่า เมื่อไปถึงทางเจ้าหน้าที่พยาบาลก็พาแม่เข้าห้องฉุกเฉิน พยาบาลได้ทำแผลให้ ตอนนั้นตนถูกเรียกเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ตอนนั้นเห็นหน้าแม่อยู่ในสภาพเปื่อยยุ่ย
“พี่เขาบอกว่าสิทธิบัตรทองแม่อยู่ รพ.บางมด ให้ไปรักษาที่ รพ.บางมด ได้มั้ย นั่งแท็กซี่ไปกับแม่สองคน เขาก็ให้เงินหนูมา 40 บาท แล้วหนูก็ทำตามที่เขาบอก พี่เขาก็อุ้มแม่ขึ้นเตียง ก่อนเรียกแท็กซี่ เขาก็ถามว่าแม่เดินไหวมั้ย ระหว่างนั้นแม่เขาทรุดตัวลง แม่ส่ายหัวบอกว่าไม่ไหวแล้ว จากนั้นพี่่เขาก็อุ้มแม่ขึ้นรถแท็กซี่ไปกับหนูสองคน ระหว่างทางหนูพยายามเรียกแม่หลายครั้ง แต่แม่ไม่ตอบ แต่แขนแม่ตกเหมือนหมดสติไป พอไปถึง รพ.บางมด พี่เขาบอกว่าจะปั๊มหัวใจรักษาให้ ก่อนที่พี่เขาจะมาบอกกับหนูว่าแม่เสียชีวิตแล้ว หนูก็ร้องไห้ หนูเสียใจมาก” ด.ญ.เตชินี กล่าว
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า วันนี้ตนพร้อมครอบครัวของนางช่อลัดดา มาเพื่อให้ทางผู้บริหารของทางโรงพยาบาลแสดงความรับผิดชอบ และชี้แจงข้อเท็จจริง ทราบว่า ช่วงเวลาดังกล่าวไม่มีแพทย์ประจำ มีเพียงพยาบาลทำการรักษา โดยในวันพรุ่งนี้ (12 พ.ย.) ตนและครอบครัวของนางช่อลัดดา จะเดินทางไปยังกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเรียกร้องให้สั่งปิด โรงพยาบาลพระราม 2 เป็นการชั่วคราว เนื่องจากไม่มีมาตรฐาน ขาดคุณธรรมและจริยธรรมในการดูแลผู้ป่วย ขณะที่คนไข้บอกว่าไม่ไหวแล้ว พยาบาลยังขับไล่ไสส่งให้่ไปรักษาโรงพยาบาลอื่น อย่างกรณีนี้ตามกฎหมาย น.ส.ช่อลัดดา ถือเป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน ทางโรงพยาบาลต้องทำการรักษา ไม่ใช่ให้ผู้ป่วยไปรักษาที่อื่น จนทำให้ผู้ป่วยต้องเสียชีวิต โรงพยาบาลจึงมีความผิดทางทั้งแพ่งและทางอาญา
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า สำหรับ นายคำตัน สามีของนางช่อลัดดา ผู้ก่อเหตุ ทราบว่า ขณะนี้ได้ถูกตำรวจ สน.ท่าข้าม จับกุมดำเนินคดีไปแล้ว ซึ่งตนขอขอบคุณตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างรวดเร็ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาทางผู้บริหารของโรงพยาบาล ได้เชิญ นายอัจฉริยะ และครอบครัวนางช่อลัดดา เข้าพูดคุยเจรจา โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความตึงเครียด โดยโลกออนไลน์ ยังได้เผยแพร่คลิป นาที นายอัจฉริยะ และครอบครัวผู้เสียชีวิต ปะทะคารมเดือดกับ ผู้บริหารของโรงพยาบาลพระราม 2 ด้วย โดยทั้งสองฝ่ายมีการตบโต๊ะ ชี้นิ้วด่า โดยมีสื่อมวลชนรอทำข่าวอย่างใกล้ชิด
ที่ห้องรับรองชั้น 6 โรงพยาบาลพระราม 2 พญ.วัลลภา ไชยมโนวงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระราม 2 พร้อม นพ.พีระ คณานวัตน์ ศัลยแพทย์ทั่วไป และที่ปรึกษาประจำโรงพยาบาลพระราม 2 ได้เปิดคำแถลงชี้แจงต่อหน้าสื่อมวลชน โดยมี นายอัจฉริยะ และครอบครัวของผู้เสียหายร่วมเจรจา
นพ.พีระ กล่าวว่า ตนเองได้รับเรื่องราวจากสื่อมวลชนที่นำเสนอและจากบันทึกของทางพยาบาล ซึ่งระบุว่า นางช่อลัดดา และลูกสาวได้เดินทางมาโรงพยาบาลช่วงเวลาประมาณ 05.00 น. ทางประตูด้านหลังของห้องฉุกเฉิน ด้วยสภาพร่างกายเต็มไปด้วยคราบสีขาวของยาสีฟัน จากนั้นทางพยาบาลเวรจึงทำการสอบถามอาการเบื้องต้น ขณะนั้น นางช่อลัดดา ยังคงมีสติ สามารถโต้ตอบได้ บอกว่า ตนเองมีอาการปวดแสบปวดร้อน ทางพยาบาลจึงทำการรักษาปฐมพยาบาลเบื้องต้น พร้อมประเมินสภาพบาดแผลมาจากสารเคมี ระดับ 1 ตรวจวัดความดันอยู่ในระดับปกติ ซึ่งประเมินแล้วพบว่าอาการลักษณะนี้ยังไม่สาหัส นอกจากนี้ ทางผู้ตายมีสิทธิในการรักรักษาพยาบาลอยู่ที่ รพ.บางมด ซึ่งอยู่ไม่ไกล แต่หากต้องการรักษาต่อที่ รพ.พระราม 2 ต้องเสียค่าส่วนต่างในการรักษา ทำให้ทางผู้ตายประสงค์จะเดินทางไปรักษาต่อยัง รพ.บางมด ทางเจ้าหน้าที่จึงช่วยกันนำตัว นางช่อลัดดา ไปยังจุดขึ้นแท็กซี่บริเวณหน้าโรงพยาบาลพร้อมมอบเงินสดจำนวน 40 บาท แก่ลูกสาวเพื่อใช้ในการเดินทาง ทั้งนี้ ยืนยันว่า นางช่อลัดดา ไม่ได้เสียชีวิตบนรถแท็กซี่ขณะเดินทางไปรักษาต่อ ซึ่งจะเป็นความรับผิดชอบของทางโรงพยาบาลพระราม 2 แต่ได้เสียชีวิตขณะที่อยู่ใน รพ.บางมด แล้ว
ด้าน พญ.วัลลภา กล่าวว่า ทางโรงพยาบาลรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันทางโรงพยาบาลไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธคนไข้ เนื่องจากสามารถเรียกเก็บค่ารักษาได้จากทางรัฐบาลอยู่แล้ว แต่ผู้ตายมีความประสงค์ที่จะไปรักษาตามสิทธิบัตรทอง เมื่อพยาบาลประเมินสภาพบาดแผลแล้ว พบว่า อยู่ในเกณฑ์ปกติ จึงช่วยประสานกับโรงพยาบาลปลายทางให้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ นพ.พีระ ชี้แจง ได้เกิดการโต้เถียงกันกับญาติของผู้เสียชีวิต ทำให้ ด.ญ.เตชินี ถึงกับร้องไห้โฮ อีกทั้ง นายอัจฉริยะ ยังเรียกร้องให้นำกล้องวงจรปิดมาเปิดต่อหน้าสื่อมวลชน แต่ทาง นพ.พีระ ไม่ยอม และพยายามอธิบายถึงสาเหตุการเสียชีวิตและสาเหตุที่ทางโรงพยาบาลไม่รับรักษา นางช่อลัดดา ระหว่างนั้นทางครอบครัวผู้เสียชีวิตได้ตะโกนด่าทอใส่ตัวแทนของโรงพยาบาล ขณะที่ นายอัจฉริยะ ได้ท้าทายให้ฟ้อง และประกาศว่า จะถอนใบอนุญาตของโรงพยาบาล พร้อมเตรียมเดินทางไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเร่งรัดการสอบสวนคดี และจะเดินทางไปกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเรียกร้องให้พักใบอนุญาตของโรงพยาบาลด้วย