เปิดใจ “สิบตำรวจตรี” ฝังใจพ่อถูกฆ่าตั้งแต่ตนเองยังอยู่ในครรภ์ มุ่งมั่นสอบตำรวจจนร่วมกับตำรวจกองปราบปรามตามจับคนร้ายฆ่าพ่อ ก่อนคดีขาดอายุความอีก 1 เดือน
ภายหลังจากตำรวจกองปราบปราม โดย พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รักษาการ ผบก.ป. พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. พ.ต.ท.อภิสัณฐ์ ไชยรัตน์ รอง ผกก.5 บก.ป. พ.ต.ท.วันพิชิต วัฒนศักดิ์มณฑา รอง ผกก.5 บก.ป. พ.ต.ท.สิทธิเกียรติ ศรีจันทร์ สว.กก.5 บก.ป. ร่วมกับ ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ มากประดิษฐ์ ผบ.หมู่.กก.ปพ.บก.สส.ภ.8 นำกำลังจับกุม นายบุญฤทธิ์ ครุฑละออง อายุ 54 ปี ชาว อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ผู้ต้องหาที่ร่วมกับพวกปล้นทรัพย์แล้วฆ่า นายประสิทธิ์ แซ่อื้อ และ นายชาณี ทองหญีต โชเฟอร์รถสิบล้อบรรทุกไม้ยาง เหตุเกิดเมื่อเดือนธันวาคม 2541 และคดีกำลังจะหมดอายุความในวันที่ 2 ธ.ค.ที่จะถึงนี้
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวเริ่มจาก ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ มากประดิษฐ์ ผบ.หมู่.กก.ปพ.บก.สส.ภ.8 ลูกชายนายประสิทธิ์ ผู้ตายได้ลงมือสืบสวนหาตัวคนร้ายที่ฆ่าบิดาด้วยตัวเอง โดยตอนเกิดเหตุนั้นมารดาของเขากำลังตั้งครรภ์ได้ 3 เดือน
กระทั่งเมื่อเติบโตจนจำความได้ว่าพ่อถูกคนร้ายฆ่าแล้วนำศพไปหมกในสระน้ำริมทางบ้านท่าตะเภา ต.ท่าข้าม อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ด.ช.อัษฎาวุฒิ ในวัยเด็กก็ได้ตั้งปณิธานมุ่งมั่นขยันตั้งใจเรียนหนังสือสอบเข้าตำรวจเพื่อตามจับคนร้ายที่ฆ่าพ่อตัวเองให้ได้ ต่อมาก็สืบสวนจนทราบว่า นายบุญฤทธิ์ซึ่งเป็นลูกน้องนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่งรู้จักกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายคน หลบหนีมารับจ้างขับรถไถที่บริเวณสวนปาล์ม หมู่ 2 ต.สองพี่น้อง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร จึงประสานตำรวจกองปราบปรามจับกุมดังกล่าว
ภายหลังจับกุมตัวคนร้ายที่ฆ่าพ่อตัวเองได้ ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิได้เปิดใจว่า ตอนจำความได้ตนเคยถามแม่ว่า “พ่อหายไปไหน” แต่แม่ไม่บอก เมื่อรบเร้าหลายๆ ครั้งจนแม่ยอมบอกว่าพ่อถูกฆ่าตาย
ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิเล่าต่อว่า แม่ยังบอกด้วยว่าเมื่อรู้ว่าแม่ตั้งท้อง “พ่อได้เอ่ยว่าหากได้ลูกชาย อยากให้เป็นนายร้อยตำรวจ” จากนั้นตนจึงมุ่งมั่นสอบเข้าเป็นตำรวจให้ได้ตามที่พ่อเคยเอ่ยไว้กับแม่ อีกทั้งอยากจับกุมคนร้ายที่ร่วมกันฆ่าพ่อด้วย
ต่อมาเมื่อปี 2560 ก็สอบเข้าตำรวจได้ เมื่อรับราชการแล้วจึงไปสอบถามกับตำรวจเก่าๆ ที่ทำคดีและญาติๆ ที่รู้เรื่องการตายของพ่อ จนทราบว่าคดีนี้มีผู้ต้องหา 4 ราย ประกอบด้วย นายประภัย บัวเพ็ง ศาลยกฟ้อง, นายรุ่งรัตน์ ศรีสาคร ศาลสั่งจำคุกตลอดชีวิต, นายสัมพันธิ์ บัวเพ็ง และนายบุญฤทธิ์ ที่ยังหลบหนี พอสอบตำรวจได้ก็สืบสวนติดตามคนที่ฆ่าพ่อ จนทราบว่านายบุญฤทธิ์หนีไปหลายที่ ล่าสุดไปทำงานกบดานที่ประเทศมาเลเซียหลายปี และเพิ่งเข้ามาในพื้นที่ไม่นาน
ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิกล่าวอีกว่า ตอนนายบุญฤทธิ์กลับเข้ามาในพื้นที่แรกๆ ในตอนค่ำวันหนึ่งเขาเมาแล้วมาตะโกนเรียกแม่ตนที่หน้าบ้าน ที่บ้านมีแม่พักอยู่กับน้องสาวสองคน ส่วนตนเองพักอยู่อีกที่ พอแม่เล่าให้ฟังว่าเขามาคุกคามตนก็ทนไม่ไหว เป็นห่วงแม่และน้องจึงรีบออกสืบสวนติดตามตัว และพอเขารู้ว่าตนเป็นตำรวจเขาก็เริ่มจะเกรงกลัวหลบหนีหายไปไม่มาคุกคามที่บ้านอีก ต่อมาสืบทราบว่านายบุญฤทธิ์มารับจ้างขับรถไถที่สวนปาล์มหมู่ 2 ต.สองพี่น้อง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร จึงประสานกองปราบปรามจับกุมดังกล่าว
“ผมไม่ได้โกรธแค้นอะไรเขาเป็นการส่วนตัวนะ ตอนจับได้ก็ยังไปถามว่าเขาฆ่าพ่อผมจริงหรือเปล่า แต่เขาก็ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนแทงพ่อผม เพื่อนอีกคนเป็นคนแทง ทั้งนี้หากเขาไม่ได้ฆ่าพ่อผม ผมก็อยากช่วยเขานะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องไปสู้คดีกันในชั้นศาล” ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ กล่าว
หลังร่วมกับตำรวจกองปราบปรามจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ฆ่าพ่อตัวเองได้แล้ว ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิเปิดเผยความรู้สึกเจ็บปวดที่เก็บไว้ในอกมาเกือบ 20 ปีว่า “รู้สึกดีใจมากที่จับกุมคนร้ายที่ฆ่าพ่อผมได้ โดยคดีนี้ผมสืบสวนหาข่าวด้วยตัวเอง เนื่องจากตำรวจท้องที่ไม่ค่อยให้ความสำคัญ อย่างไรก็ตาม ผมเป็นตำรวจ ผมมีปืน แต่ผมเลือกที่จะใช้กฎหมายเล่นงานคนที่ฆ่าพ่อผม อีกทั้งไม่เคยมีความคิดจะลงมือฆ่าเขาให้ตายตกตามกันเลย” ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย