xs
xsm
sm
md
lg

“โอ๊ค” ขึ้นศาลปฏิเสธฟอกเงินทุจริตปล่อยกู้กรุงไทย นัดตรวจหลักฐาน 25 มิ.ย. 62

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - “โอ๊ค พานทองแท้” เดินทางมาศาลพร้อมแกนนำพรรคเพื่อไทย ขึ้นศาลให้การปฏิเสธคดีฟอกเงิน 10 ล้านปล่อยกู้กรุงไทย ศาลนัดตรวจหลักฐาน 25 มิ.ย. 62 ยันพร้อมเข้าสู่การเมืองตั้งแต่เกิดเป็นลูกทักษิณ



เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (5 พ.ย.) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดสอบคำให้การจำเลยคดีดำ อท.245/2561ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายพานทองแท้ หรือโอ๊ค ชินวัตร อายุ 38 ปี บุตรชายคนโตนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิดฐาน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันสมคบกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5, 9, 60 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ฉบับที่ 5 พ.ศ.2558 มาตรา 10 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 รวมถึง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ฉบับที่ 6 พ.ศ.2526 มาตรา 4

จากกรณีการทุจริตปล่อยกู้ธนาคาร กรุงไทยฯ กับกลุ่มกฤษดามหานคร เป็นเช็ค1 ฉบับจำนวนเงิน 10 ล้านบาท

โดยอัยการโจทก์บรรยายฟ้องระบุพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 48 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาคดีดำ อม.55/2558 ให้จำคุกนายวิชัย กฤษดาธานนท์ ผู้บริหารกลุ่มกฤษดามหานคร กับพวกที่ร่วมกันทุจริตการปล่อยกู้เงินธนาคาร กรุงไทย จำกัด (มหาชน)ให้กับบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) ตามพ.ร.บหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ฯ

โดยเมื่อระหว่างวันที่ 11 กันยายน 2546 - 17 พฤษภาคม 2547 นายวิชัย ซึ่งถูกฟ้องเป็นจำเลยคดีหมายเลขดำ อท.214/61 ของศาลนี้ได้อนุมัติสินเชื่อจำนวน 10 ล้านบาทให้แก่จำเลยโดยทุจริต ด้วยการสั่งจ่ายเช็คจำนวน 10 ล้านบาทในนามไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน)ให้แก่นายพานทองแท้ จำเลยเข้าบัญชีธนาคาร กรุงเทพฯ กระทั่งวันที่ 24 พฤษภาคม 2547 จำเลยได้นำเงินดังกล่าวไปซื้อหุ้นของบริษัท การท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือทอท. โดยพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการโอน รับโอนหรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดหรือเพื่อซุกซ่อน ปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง ในความผิดมูลฐาน หรือกระทำการเพื่อปกปิด อำพรางการได้มา การโอนซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด อันเป็นการสมคบกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5, 9, 60 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ฉบับที่ 5 พ.ศ.2558 มาตรา 10 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 รวมถึง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ฉบับที่ 6 พ.ศ.2526 มาตรา 4 โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย

โดยในวันนี้ นายพานทองแท้ จำเลย ซึ่งได้รับการประกันตัวจากศาลวงเงินประกัน 1 ล้านบาท เดินทางมาศาลพร้อมผู้ติดตาม โดยมีบุคคลในครอบครัวประกอบด้วย คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ (มารดา ),น.ส.พินทองทา คุณากรวงศ์ ,น.ส.แพทองธาร ชินวัตร (น้องสาวทั้งสอง) เเละมีเเกนนำพรรคเพื่อไทยจำนวนมากมาร่วมให้กำลังใจ อาทิ เช่น พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ,นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ,นายวัฒนา เมืองสุข ,นายนพดล ปัทมะ ,นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา,นาย ชัยเกษม นิติศิริ,นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ,นายวรชัย เหมมะ
,น.ส.ขัตติยา สวัสดิ์ผล ,ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต ,เเละอดีต ส.ส.เพื่อไทยอีกเป็นจำนวนมาก

ต่อมาเวลา 10.00 น.เศษ ศาลออกนั่งบัลลังฆ์ เพื่อนัดพร้อมสอบคำให้การเเละกำหนดวันนัดพิจารณา ซึ่งวันนี้ โจทก์, จำเลย เเละทนายจำเลยมาศาล

ศาลอ่านเเละอธิบายฟ้องให้จำเลยซึ่งมีทนายรับฟังโดยละเอียด จำเลยให้การปฏิเสธ อ้างเหตุผลว่าไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง เนื่องจากเงินที่รับมาเป็นการร่วมกันลงทุน เเละขอให้การเป็นหนังสือส่งต่อศาลภายในวันที่ 14 ธันวาคมนี้

ศาลพิจารณาเเล้วอนุญาต ตามคำร้อง เเละเพื่อให้การตรวจพยานหลักฐานสามารถดำเนินไปโดยสะดวกรวดเร็ว ถูกต้องเเละได้ความจริงที่ครบถ้วน มีความพร้อมดำเนินการในวันนัดตรวจพยานหลักฐาน เห็นสมควรมอบหมายให้เจ้าพนักงานคดีดำเนินการ โดยสรุปดังนี้ 1.ควบคุมเเนะนำคู่ความการดำเนินคดีเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย หากพบข้อขัดข้องในกระบวนพิจารณาหรือการได้มาหรือไม่ได้มาซึ่งพยานหลักฐาน ให้รายงานพร้อมด้วยเเนวทางเเก้ไขต่อศาลโดยเร็ว 2.ตรวจสำนวนจัดทำสรุปย่อการกระทำผิดจำเลยตามฟ้อง ทำสรุปรายการพยานที่คู่ความอ้างอิง โดยระบุพยานหลักฐานที่คู่ความไม่ได้โต้เเย้ง เพื่อสะดวกในการสอบถามคู่ความรับจ้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานโดยไม่ต้องสืบพยาน 3.ตรวจสอบเเละเเนบข้อกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง ข้อบังคับ เเละคำพิพากษาศาลฎีกาหากมี 4. สรุปประเด็นที่คู่ความยังโต้เเย้งกัน จำนวนพยานความเกี่ยวข้องกับประเด็น เเละวิธีการได้มาซึ่งพยานหลักฐาน พร้อมจัดเรียงพยานบุคคล เพื่อให้เจ้าพนักงานคดีดำเนินการตรวจสอบเเละรวบรวมภายใน30วัน

ศาลยังได้สอบถามคู่ความว่าเอกสารที่อ้างส่งศาลมีจำนวนเท่าใด

โจทก์เเถลง ว่ามีเอกสารที่จะอ้างส่งเป็นพยานหลักฐานประมาณ 8 เเฟ้ม ส่วนจำเลยเเละทนายก็เเถลงว่าอ้างส่งเอกสารปรัมาณ8เเฟ้ม เช่นเดียวกัน

ศาลจึงเห็นสมควรกำหนดวันนัดให้เจ้าพนักงานคดีตรวจสอบเเละรวบรวมพยานหลักฐาน กำหนดให้คู่ความหรือผู้มีอำนาจกระทำการเเทนของคู่ความทั้ง2ฝ่ายมาศาลเพื่อส่งให้เจ้าพนักงานคดี 4นัด ในวันที่ 22 มกราคม ,26 กุมภาพาพันธ์,20 มีนาคม เเละ 29 เมษายน 2562 ในเวลา 09.00 น. พร้อมกำชับว่าหากคู่ความฝ่ายใดไม่ดำเนินการตามคำสั่ง ไม่ว่าทั้งหมดหรือข้อใด ถือว่าคู่ความนั้นไม่ดำเนินกระบวนการภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนด ศาลจะพิจารณาพยานหลักฐานตามที่ปรากฎในสำนวนเเละรายงานของเจ้าพนักงานคดี เเล้วดำเนินกระบวนพิจารณาใยวันนัดตรวจพยานหลักฐานไปตามที่เห็นสมควร กรณีโจทก์ไม่ดำเนินการ หากเป็นเหตุถึงขนาดทำให้การตรวจพยานหลักฐานเเละการพิจารณาไม่เป็นประโยชน์ในการดำเนินการพิจารณาพิพากษาคดีที่โจทก์ฟ้องต่อไป อาจถือว่าโจทก์ไม่ดำเนินการที่ศาลกำหนด ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องได้ เเละมีคำสั่งให้นัดตรวจพนานหลักฐานอีกทีในวันที่ 25 มิถุนายน เวลา 10.00น.

โดยสำหรับคดีนี้มีมูลกรณีเดียวกันกับคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท.214/2561 ของศาลอาญาทุจริตฯนี้ ที่พนักงานงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนาย วิชัย กฤษดาธานนท์ ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน ที่เป็นผู้สั่งจ่ายเช็คจำนวน10ล้านบาทให้นายพานทองเเท้ จึงเห็นควรนัดพร้อม เพื่อให้ศาลได้มีคำสั่งรวมพิจารณาคดีต่อไปในวันที่ 22 มกราคม 2562 ที่เป็นวันนัดส่งพยานหลักฐานเอกสารให้เจ้าพนักงานคดีวันเเรกของคดีนี้อีกด้วย

ภายหลังออกจากห้องพิจารณาคดี นายพานทองแท้ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้มาตามที่ศาลนัดและให้การปฏิเสธ ขอไม่ให้รายละเอียดในคดี เนื่องจากอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ ส่วนเรื่องที่มีแกนนำพรรคเพื่อไทยหลายรายจะแยกออกไปตั้งพรรคใหม่ นั้นยังไม่ชัดเจนอะไร เอาเป็นว่าสนับสนุนทุกพรรคการเมือง ที่สนันสนุนประชาธิปไตย ซึ่งการแยกออกไปตั้งพรรคการเมืองใหม่นั้น ตนไม่มีความเห็น เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคลของแต่ละท่าน ส่วนคนที่จะสืบทอดอำนาจนั้น ตนไม่เห็นด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อมองถึงสถานการณ์ทางการเมือง พร้อมที่จะเข้ามาทำงานการเมืองกับครอบครัวตระกูลชินวัตรเต็มตัวหรือยัง

นายพานทองแท้ กล่าวว่า ก็ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ แต่ผมคิดว่าผมพร้อมมาตั้งแต่รู้ว่าเกิดเป็นลูกทักษิณ ชินวัตรแล้วครับ แต่ขอดูจังหวะที่เหมาะสม

เมื่อถามว่าพรรคการเมืองแรกที่สนใจจะไปทำงานด้วย คือ พรรคไทยรักษาชาติใช่หรือไม่

นายพานทองแท้กล่าวว่า ลงลึกในรายละเอียดไป ยังพูดอะไรไม่ได้

ด้านนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล อดีต ส.ส.จังหวัดแพร่ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเปิดตัวพรรคไทยรักษาชาติ ในวันที่ 7 พฤศจิกายน นี้ ว่าจะไปร่วมงานในฐานะสมาชิกพรรค ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต จ.แพร่ และอาจจะทำงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคณะทำงานยุทธศาสตร์พรรค แต่จะไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค พร้อมระบุว่าการย้ายออกจากพรรคเพื่อไทยไม่ใช่ความแตกแยกหรือไม่พอใจแกนนำพรรคบางคน อาจเป็นเรื่องของแนวคิดทางด้านนโยบายของแต่ละท่านและหลายๆสาเหตุ ทำให้เราต้องช่วยกันคนละฝั่ง ซึ่งหลังวันที่ 7 พฤศจิกายน นี้ จะทยอยเปิดตัวคนอื่นๆ ที่ตัดสินใจมาร่วมสังกัดใหม่ และภายในเดือนนี้จะประกาศผู้สมัครลงรับเลือกตั้งทั้งหมด

เมื่อถามว่าเกรงจะถูกมองว่าเป็นการฮั้วกันในทางการเมืองระหว่างพรรคเพื่อไทย กับ พรรคไทยรักษาชาติหรือไม่

นายวรวัจน์ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ใช่การฮั้วกันของสองพรรคการเมือง ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคไทยรักษาชาติ ในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ เพราะต่างคนต่างดำเนินการ แต่ในความสัมพันธ์ส่วนบุคคลเราอาจใกล้ชิดกัน เพราะอยู่ด้วยกันมานานตั้งแต่พรรคไทยรักไทย
















กำลังโหลดความคิดเห็น