MGR Online - ผอ.กองคดี ปปง.ปัดเอี่ยวขบวนการอ้างชื่อ “บิ๊กป้อม” เรียกรับเงินนักธุรกิจรถเช่าหัวหินตามที่ถูกกล่าวอ้าง เตรียมแถลงเปิดโปงขบวนการนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรอยู่เบื้องหลัง ถามกลับ"อัจฉริยะ"สร้างราคาให้ตัวเองหรือไม่ ขู่ดำเนินการตามกฎหมายปกป้องสิทธิ
วันนี้ (19 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ ผู้อำนวยการกองคดี 1 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่า ยืนยันว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการนี้ โดยตนเห็นเอกสารหนังสือราชการที่ถูกกล่าวถึง และยอมรับว่ามีความคล้ายกับลายเซ็นตัวเอง แต่ยืนยันว่าไม่ใช่ลายเซ็นตัวเองแน่นอน และล่าสุดตัวเองถูกนำชื่อไปแอบอ้างว่าชื่อ “พัฒน์” และจะมีการแถลงเปิดโปงขบวนการที่แอบอ้างชื่อตนในวันจันทร์ที่ 22 ต.ค.นี้ ทราบว่าผู้ต้องหาเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร
นายพีระพัฒน์กล่าวอีกว่า บุคคลที่นายอัจฉริยะออกมาเปิดเผยซึ่งเป็นการแอบอ้างชื่อ เป็นเพียงข้าราชการ ปปง.ระดับซี 3 โดยอำนาจไม่มีความเป็นไปได้ที่จะสามารถวิ่งเต้นช่วยคดีได้ จึงมีการแอบอ้างตนเองเป็นผู้อำนวยการสำนักคดี มีทั้งหมด 4 คน เรื่องนี้รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง.ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว ยืนยันในส่วนของ ปปง.มีมาตรฐานการทำงานและแบ่งเเยกงานกันทำ โดยมีบุคลากรเข้ามาเกี่ยวข้องจำนวนมาก เชื่อว่าไม่มีช่องโหว่ให้เกิดการทุจริตเกิดขึ้น และเป็นไปตามมาตรฐานสากล แต่ก็ยอมรับว่าอาจเกิดการเเอบอ้างได้
ส่วนกรณีที่นายอัจฉริยะนำข้อมูลมาเผยแพร่และสังคมพุ่งเป้ามาที่ตัวเองว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการเรียกรับเงินนั้น นายพีระพัฒน์กล่าวว่า ขอตรวจสอบข้อมูลก่อน หากมีการพาดพิงปรากฏชื่อให้เสื่อมเสียอาจจะพิจารณาปกป้องสิทธิตามกฎหมายของตัวเอง โดยตั้งข้อสังเกตว่าการที่นายอัจฉริยะพาดพิงเป็นตนนั้น อาจจะเป็นการสร้างข่าวเพื่อให้ตัวเองมีชื่อเสียงหรือไม่
ด้าน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม.กล่าวถึงกรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เปิดเผยหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอ ไฟล์เสียง และเอกสารทางไลน์ของเจ้าหน้าที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. คนหนึ่งเรียกรับเงิน 2 ล้านบาทจากนักธุรกิจเช่ารถใน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่าจากการตรวจสอบกรณีที่นายอัจฉริยะระบุมีเจ้าหน้าที่ ปปง.ร่วมกันเป็นขบวนการแอบอ้างชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรียกรับเงินจากนักธุรกิจรถเช่าในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง พล.อ.ประวิตรไม่ได้สั่งการใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ เนื่องจากติดราชการที่ประเทศสิงคโปร์ อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องภายในของ ปปง.ที่ต้องตรวจสอบ หากพบว่าข้าราชการ ปปง.ทำผิดจริงจะต้องดำเนินการความผิดทั้งทางวินัยและอาญา แต่หากเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริง นายอัจฉริยะก็ต้องรับผิดชอบ ทั้งนี้ ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ช่วยกันตรวจสอบ