คืบหน้าแม่เลี้ยงทำร้ายลูกเลี้ยงเป็นแผลทั้งตัวตามที่มีข่าวออกไปแล้วนั้น แม่เด็กได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับพ่อเด็กและแม่เลี้ยง ตำรวจคลองหลวงไปตรวจสอบบ้านเกิดเหตุ แต่ผู้ต้องหาทั้งสองไม่อยู่ห้อง
จากกรณีที่เด็กชายอายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี ถูกพ่อ และแม่เลี้ยง ทำร้ายอย่างทารุณ โดยมีบาดแผลเต็มตัว อาศัยช่วงพ่อ และแม่เลี้ยงไม่อยู่บ้าน จึงหลบหนีโดยปั่นจักรยาน 2 ล้อ มาหาแม่ที่จังหวัดระยอง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันที่ 15 ตุลาคม 2561 เวลา 10.00 น.เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็ก กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดระยอง พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่จากพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ปทุมธานี และ นางสาวนฤกมลวรรณ ฉาบพลอย พร้อมกับ เด็กชายชญาวัชระ ฉาบพลอย อายุ 14 ปี เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ฤทธินันท์ ปุ้ยพันธวงศ์ ผกก.สภ.คลองหลวง และ พ.ต.ต.บุญสิงห์ สุทธิ สารวัตรเวรสอบสวน ที่สถานีตำรวจภูธรคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เพื่อแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับ พันจ่าเอก อัครเศรษฐ์พร เชิดสุวรรณรัตน์ (ผู้เป็นพ่อ) ทหารสังกัดกรมต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี และ นางสาวนรินทร เขตกาฬ (แม่เลี้ยง) ที่ทำร้ายเด็กชายอายุ 14 ปี เป็นนักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งในย่านอำเภอคลองหลวง
ด้าน พ.ต.อ.ฤทธินันท์ ปุ้ยพันธวงศ์ ผกก.สภ.คลองหลวง กล่าวว่า จากเหตุการณ์แม่เลี้ยงทำร้ายลูกเลี้ยงอายุ 14 ปี จนเป็นแผลทั้งตัวตามที่มีข่าวออกไปแล้วนั้น วันนี้ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหลวง ได้เดินทางไปรับตัวแม่และเด็กชายอายุ 14 ปี มาสอบสวนที่ สภ.คลองหลวง และตนเองได้สอบถามทางตัวเด็กถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางเด็กก็บอกว่าถูกแม่เลี้ยงทำร้ายมาประมาณ 3 ปีแล้ว และให้พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำโดยการสอบสวนทาง ป.วิอาญา นั้น จะต้องมีนักจิตวิทยานักสังคมสงเคราะห์มาร่วมสอบสวนด้วย ซึ่งทางเราก็ได้เตรียมความพร้อมไว้หมดแล้ว และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ไปถามข้อเท็จจริงจากทางพ่อแท้ๆ ของเด็กที่ถูกทำร้าย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องสอบสวนทางตัวเด็กที่ถูกทำร้ายก่อนว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นบ้าง พร้อมทั้งรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งทางบุคคลและพยานแวดล้อมต่างว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งตัวเด็กที่ถูกทำร้ายนั้นต้องมาคุยรายละเอียดว่าใครเป็นคนทำบ้าง
ส่วนสภาพจิตใจของน้องนั้น ก็ดีขึ้นทุกหน่วยงานได้เข้ามาช่วยกันและมีจิตใจที่เข้มแข็งขึ้น ซึ่งหลังจากเกิดเหตุขึ้นแล้วทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.คลองหลวง ก็ได้ไปติดตามบ้านพักของพ่อและแม่เด็กที่ถูกทำร้ายภายในหมู่บ้านเอื้ออาทร กม.44 ตึกที่ 163 ชั้น 3 ห้องเลขที่ 16/16323 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี แต่ก็ยังไม่พบตัวทั้ง 2 คน แต่อย่างใด ซึ่งข้อมูลทั้งหมดจะอยู่ในสำนวนคดี ส่วนข้อหานั้นก็จะนำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานทำร้ายร่างกาย แต่ต้องรอผลจากแพทย์ก่อนและ พ.ร.บ.ผู้กระทำความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 เบื้องต้นน่าจะเป็น 2 ข้อกล่าวหานี้ก่อน
ด้าน พ.ต.อ.ฤทธินันท์ ปุ้ยพันธวงศ์ ผกก.สภ.คลองหลวง ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรคลองหลวง เดินทางไปตรวจสอบที่ หมู่บ้านเอื้ออาทร กม. 44 ชั้นที่ 3 อาคารเลขที่ 163 ห้องเลขที่ 16/323 หมู่ที่ 10 ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี แต่ว่าทั้งสองคนไม่อยู่ที่ห้อง และอยู่ระหว่างสอบสวนเพิ่มเติมที่โรงพัก
ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.ต.บุญสิงห์ สุทธิ สารวัตรสอบสวนสภ.คลองหลวง ใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมงสอบสวนเด็กชายโอมอายุ 14 ปีที่ถูกแม่เลี้ยงทำร้ายรวมถึงนางสาวนฤกมลวรรณ ฉาบพลอย อายุ 42 ปีแม่ของเด็กชายโอม พร้อมกับพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ระยองและพัฒนาสังคมและความมั่งคงของมนุษย์ จ.ปทุมธานี หลังจากทางพนักงานสอบสวนสอบปากคำเสร็จแล้วก็ได้เดินทางกลับไปที่บ้านพักเด็ก จ.ปทุมธานีโดยมีรถตู้ของเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.คลองหลวงเป็นคนนำไปส่ง
ด้านพ.ต.ต.บุญสิงห์ สุทธิ สารวัตรสอบสวนสภ.คลองหลวง กล่าวว่าหลังจากสอบปากคำเด็กที่ถูกทำร้ายกับแม่ของเด็กแล้วนั้นแต่ยังไม่สมบรูณ์เพราะการสอบปากคำเด็กนั้นต้องมีพนักงานอัยการและสหวิชาชีพร่วมอยู่ด้วย ซึ่งในวันนี้สอบปากคำเบื้องต้นไปก่อนซึ่งคาดว่าน่าจะสอบปากคำเด็กอีกครั้งภายในอาทิตย์นี้ ส่วนตัวเด็กนั้นก็มีจิตใจเป็นปกติดีเพราะมีเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายเข้ามาร่วมอยู่ด้วย การที่เด็กถูกทำร้ายมานานแค่ไหนแล้วนั้นซึ่งเป็นเหตุที่ไม่ต่อเนื่องทางพนักงานสอบสวนมองแค่ว่าตัวเด็กได้หนีไปหาผู้เป็นแม่แท้ๆที่ จ.ระยอง ส่วนบาดแผลนั้นมีอยู่ทั่วตัวซึ่งตนเองก็ได้ถ่ายรูปเก็บไว้หมดแล้ว ส่วนการกังขังหน่วงเหนียวนั้นก็ยังไม่ชัดเจนซึ่งตัวเด็กวันนี้มีอาการเหนื่อยล้า และทางพ่อแท้ๆกับแม่เลี้ยงนั้นตนยังไม่ได้ถามเพราะต้องการสอบปากคำตัวเด็กก่อนการที่เด็กถูกทำร้ายก็น่าจะตั้งแต่ปี2560 และอาจจะเป็นการสั่งสอนลูกแต่อาจจะทำรุนแรงมากเกินไปแต่ก็ต้องสืบหาข้อเท็จจริงอีกครั้ง และการตรวจร่างกายนั้นทางเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ระยองได้นำตัวเด็กไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลบ้านฉาง จ.ระยองเป็นที่เรียบร้อยแล้วเหลือแต่เพียงผลทางการแพทย์เท่านั้นและทางพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ปทุมธานี ได้นำตัวไปพักที่บ้านพักเด็กก่อนเพื่อรอสอบต่อหน้าอัยการกับสหวิชาชีพอีกครั้ง
