xs
xsm
sm
md
lg

“ปริญญา” ให้การวกวน ปฏิเสธโกงบิตคอยน์ หลังโดนรวบคาสุวรรณภูมิ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - จับคาสนามบินสุวรรณภูมิ “ปริญญา จารวิจิตร” ผู้ต้องหาฉ้อโกงบิตคอยน์ พี่ชาย “บูม-จิรพิสิษฐ์” นักแสดง ขณะเดินทางกลับประเทศไทย เพราะถูกสั่งยกเลิกพาสปอร์ต พร้อมนำตัวสอบกองปราบปรามก่อนส่งฝากขังศาลวันนี้ เจ้าตัวปฏิเสธเสียงแข็ง รองผู้การปราบปรามเผยผู้ต้องหายังให้การวกวนไม่ตรงข้อเท็จจริง



เมื่อเวลาประมาณ 23.30 น. วันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รักษาราชการแทนผู้บังคับการกองปราบปราม (รรท.ผบก.ป.) ได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ตม.2 (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) ว่าได้จับกุมตัวผู้ต้องหารายสำคัญตามหมายจับของศาลอาญาตามคำร้องขอของพนักงานสอบสวนกองปราบปราม จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รองผู้บังคับการกองปราบปราม (รอง ผบก.ป.) พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ต.เอกพล ปัญจมานนท์ สว.กก.2 บก.ป. เดินทางไปประสานงาน ก่อนจับกุมตัว นายปริญญา จารวิจิตร อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46/22 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 1693/2561 ลงวันที่ 26 ก.ค. 2561 ข้อหาร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันฉ้อโกง ก่อนจะรีบนำตัวนายปริญญาเดินทางมาสอบสวนที่กองปราบปรามตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา โดยอนุญาตให้ทนายความเข้าร่วมสอบสวนด้วย

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ นายเออาร์นี โมตาวา ซาริมา อายุ 23 ปี เจ้าพ่อเงินอิเล็กทรอนิกส์ตระกูลบิตคอยน์ชาวฟินแลนด์ได้เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป. ระบุว่านายปริญญากับพวกได้ร่วมกันฉ้อโกงเงินบิตคอยน์มูลค่าประมาณ 797 ล้านบาท ด้วยการหลอกลวงให้ร่วมลงทุนในตลอดหลักทรัพย์ แต่กลับมีการถ่ายเทเงินไปยังที่ต่างๆ โดยไม่ได้ทำตามที่ตกลงกันไว้ ต่อมาพนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้สอบสวนขยายผลจนพบว่าคดีนี้มีผู้กระทำความผิดประกอบด้วย นายปริญญา ที่เป็นแกนหลักในคดี, นายธนสิทธิ์ จารวิจิตร, นายจิรพิสิษฐ์ หรือบูม จารวิจิตร ดารานักแสดง, น.ส.สุพิชฌาย์ จารวิจิตร สี่พี่น้อง และนายวิสิทธิ์ จารวิจิตร และนางเลิศฉัตรกมล จารวิจิตร บิดาและมารดา รวมทั้งนายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ผู้กว้างขวางในตลาดหลักทรัพย์ และนายชาคริส อาห์มัด ผู้บริหารบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม สำหรับนายประสิทธิ์ และนายชาคริส ผู้เสียหายได้มาถอนแจ้งความไปแล้วหลังจากตกลงชดใช้ค่าเสียหายกันได้เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ส่วนผู้ต้องหารายอื่นพนักงานสอบสวนได้ทยอยแจ้งข้อหาไปแล้วในฐานความผิดเกี่ยวกับร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันฉ้อโกง ในขณะที่นายปริญญาได้หลบหนีไปสหรัฐอเมริกาก่อนที่หมายจับจะออกเพียงไม่กี่วัน

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ก่อนการจับกุมนายปริญญา พ.ต.อ.ชาคริตได้ทำหนังสือไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้ยกเลิกหนังสือเดินทางของนายปริญญาเพื่อกดดันให้เดินทางกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ต่อมากระทรวงการต่างประเทศได้ทำเรื่องยกเลิกหนังสือเดินทางตามที่กองปราบปรามร้องขอ ทำให้นายปริญญาจำเป็นต้องเดินทางกลับเนื่องจากไม่สามารถอยู่ในสหรัฐอเมริกาได้ กระทั่งวันที่ 10 ต.ค. เวลาประมาณ 23.20 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากฝ่าย ตม.ขาเข้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่าจะมีบุคคลตามหมายจับเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรจึงพร้อมกำลังเข้าตรวจสอบบริเวณฝ่าย ตม.ขาเข้าโซนตะวันตก โดยพบนายปริญญาเดินทางกับสายการบินเอเซียนนาแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ OZ741 จากประเทศเกาหลี โดยมีต้นทางมาจากสหรัฐอเมริกา เมื่อตรวจสอบพบว่าเป็นผู้ต้องหาตามหายจับดังกล่าวจึงเข้าควบคุมตัวและแจ้งข้อหาให้ทราบทันทีก่อนที่จะควบคุมตัวมาสอบสวนเพิ่มเติม โดยเบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ

พ.ต.อ.ชาคริตกล่าวว่า หลังการจับกุมตัวได้กำชับให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้ต้องหาอย่างละเอียดโดยจะนำตัวไปฝากขังต่อศาลอาญาเวลา 09.30 น.วันนี้ ซึ่งพนักงานสอบสวนอาจจะพิจารณาคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากก่อนหน้านี้ผู้ต้องหามีพฤติกรรมที่จะหลบหนี เบื้องต้นผู้ต้องหาได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาและยังให้การวกวนไม่ตรงต่อข้อเท็จจริงหลายประการ

ส่วนการดำเนินคดีต่อผู้ต้องหารายอื่นๆ นั้น ขณะนี้คงเหลือแต่ผู้ต้องหาในตระกูลจารวิจิตรเท่านั้น ล่าสุดพนักงานสอบสวนได้นัดให้นายวิสิทธิ์ จารวิจิตร และนางเลิศฉัตรกมล จารวิจิตร บิดาและมารดา รวมทั้ง นายธนสิทธิ์ พี่ชายของนายปริญญา เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในวันที่ 17 ตุลาคมที่จะถึงนี้ หากผู้ต้องหาทั้งสามคนมาพบพนักงานสอบสวนก็จะแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงิน เนื่องจากมารดาของนายปริญญาได้รับโอนเงินมาจากลูกชายก่อนที่จะยักย้ายถ่ายเทเงินไปให้บิดาของนายปริญญา ส่วนนายธนสิทธิ์ก็มีพฤติกรรมเช่นเดียวกันคือรับโอนเงินมาจากนายปริญญาแล้วยักย้ายถ่ายเทไปให้กับบุคลอื่นๆ ซึ่งเป็นพฤติกรรมการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน

ด้านนายปริญญากล่าวเพียงว่า ยังไม่ขอให้รายละเอียดขณะนี้กำลังปรึกษากับทีมทนายความว่าจะให้การต่อพนักงานสอบสวนอย่างไรบ้าง และกำลังพิจารณาเรื่องยื่นประกันตัว หากให้การกับพนักงานสอบสวนเรียบร้อยแล้วจะให้รายละเอียดกับผู้สื่อข่าว แต่เบื้องต้นตนได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา







กำลังโหลดความคิดเห็น